PRP คืออะไร
PRP หรือ Platelet Rich Plasma เป็นพลาสมาที่อุดมไปด้วยเกล็ดเลือดเข้มข้น ที่ได้จากการนำเลือดของคนไข้มาสกัดแยกชั้นพลาสมาและนำเกล็ดเลือดที่มีความเข้มข้นสูงที่สุดมาฉีดบริเวณที่บกพร่องบนใบหน้า เพื่อทำให้ผิวได้รับการฟื้นฟูซ่อมแซม ผลัดเซลล์ผิวใหม่ สร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวหน้าเปล่งปลั่ง และจุดที่บกพร่องได้รับการเติมเต็มให้ดูเรียบเนียนขึ้น อีกทั้งยังสามารถทำ PRP บริเวณผมเพื่อแก้ปัญหาผมบาง หรือช่วยในเรื่องการปลูกผมได้อีกด้วย รวมถึง รักษาโรคเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายอย่าง ข้อต่อ เส้นเอ้น กล้ามเนื้อได้เช่นกัน นอกจากนี้ PRP ยังมีสารอย่าง Growth Factor ที่เป็นอาหารของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน สร้างเซลล์ผิวใหม่ และฟื้นฟูผิว ซ่อมแซมได้อีกด้วย
PRP ช่วยเรื่องอะไรบ้าง
- ช่วยรักษาสิว รอยสิว หลุมสิว รอยแผลเป็น รอยจุดด่างดำ ฝ้า กระ
- ช่วยลดเลือนริ้วรอย เติมเต็มร่องลึก ไม่ว่าจะเป็นร่องแก้ม ริ้วรอยบนหน้าผาก หว่างคิ้ว หรือหางตา
- ช่วยให้รูขุมขนเล็กลง
- ช่วยแก้ปัญหารอยคล้ำรอบดวงตา
- ช่วยฟื้นฟู ซ่อมแซมผิวที่เสื่อมสภาพ
- ช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใส ลดเลือนรอยหมองคล้ำ
- ช่วยแก้ปัญหาความยืดหยุ่นของผิวน้อย ผิวแห้งกร้าน
- ช่วยแก้ปัญหาผมบาง
- ช่วยผลัดเซลล์ผิวใหม่ ทำให้หน้าดูเปล่งปลั่ง กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
- ช่วยสร้างเซลล์ คอลลาเจน และอิลาสตินในชั้นผิว รวมถึงซ่อมแซมเซลล์ผิวเดิม ทำให้ผิวโดยรวมได้รับการฟื้นฟู
วิธีการทำ PRP
การทำ PRP ทำโดยการเก็บตัวอย่างเลือดของคนไข้ ประมาณ 15–20 ซีซี เพื่อนำเลือดมาสกัดผ่านเครื่อง Centrifuge เพื่อให้ได้เกล็ดเลือดที่เข้มข้นและสมบูรณ์ที่สุด และฉีดเข้าสู่ส่วนต่าง ๆ ของใบหน้า โดย PRP ที่ได้จะอยู่ที่ประมาณ 5-7 มิลลิลิตร
ต้องทำ PRP กี่ครั้งจึงจะเห็นผล?
การทำ PRP เพื่อฟื้นฟูสภาพผิว ส่วนใหญ่จะเห็นผลใน 3 เดือน เพื่อประสิทธิภาพ และให้เห็นผลอย่างชัดเจน ควรทำซ้ำ 2-3 ครั้ง โดยเว้นระยะห่าง 4-6 สัปดาห์ ซึ่งจะอยู่ได้นาน 12-18 เดือน สำหรับผู้ที่มีริ้วรอยมากหรือลึก อาจต้องฉีดซ้ำมากกว่า 2-3 ครั้ง ขึ้นอยู่กับคำแนะนำและการประเมินของแพทย์
ข้อจำกัดในการทำ PRP
- ผู้ป่วยที่เป็นมะเร็ง โรคติดเชื้อ หรือโรคผิวหนังบางประเภท
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์
- ผู้ที่เป็นโรคโลหิตจาง
- ผู้ที่มีความผิดปกติของระบบเลือดและเกร็ดเลือด
- ผู้ที่ได้รับยาต้านการแข็งตัวของเลือด แอสไพริน หรือได้รับยาต้านเกล็ดเลือดอื่น ๆ
- ผู้ที่เป็นโรคการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ
- ผู้ที่รับประทานวิตามินอี หรือสารที่ทำให้เลือดไม่แข็งตัว
การเตรียมตัวก่อนทำ PRP
- พักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 8 ชั่วโมง เพื่อความพร้อมของร่างกาย
- ดื่มน้ำมาก ๆ
- ห้ามรับประทานยาเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด ในกลุ่ม ASA หรือ NSIAD ก่อนทำ 2-3 วัน
- งดดื่มแอลกอฮอลล์อย่างน้อย 2-3 วัน
- งดอาหารที่มีไขมันสูง
การดูแลหลังทำ PRP
- งดล้างหน้า 4-6 ชั่วโมงแรกหลังการทำ
- หลีกเลี่ยงแสงแดดประมาณ 2- 3 วัน
- ทาครีมบำรุงผิวได้ตามปกติ แต่ให้หลีกเลี่ยงการทาครีมที่มีส่วนผสมของ AHA หรือสาร Whitening
- ควรพักหน้า โดยงดแต่งหน้าอย่างน้อย 1 วัน
- หลีกเลี่ยงการนวดหน้า ขัดหน้า หรืออบไอน้ำ ซาวน่า
- งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ การสูบบุหรี่
- งดการออกกำลังกายอย่างหนัก
- หลีกเลี่ยงการรับประทานยาประเภทแอสไพริน (Aspirin) และไอบูโพรเฟ่น (Ibuprofen) ประมาณ 2-3 วัน
- หากมีอาการปวดสามารถรับประทานยาพาราเซตามอลได้
PRP อันตรายไหม?
การทำ PRP เป็นนวัตกรรมการดูแลผิวหน้าที่มีความปลอดภัย เพราะเป็นการรักษาด้วยเลือดของตนเอง ไม่เสี่ยงต่อการแพ้ แต่ควรมีกระบวนการทำที่เหมาะสม สะอาด ปลอดเชื้อ หลังจากการฉีดอาจมีอาการบวมแดง แต่จะหายในไม่กี่วัน
ทำ PRP ที่ไหนดี?
ก่อนตัดสินใจทำ PRP ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ โดยสามารถศึกษาและเลือกคลินิกที่มีมาตรฐานได้ หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม ท่านสามารถเข้ามาขอคำปรึกษาเรื่อง ฟื้นฟู สร้างคอลลาเจนใหม่ให้ผิวหน้าด้วย PRP กับทีมแพทย์ “คลินิกศัลยกรรมชลบุรี De Queens Clinic” เพื่อทราบวิธีที่เหมาะกับตัวของท่าน ยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line : @dequeensclinic