Meso Fat vs. CoolSculpting กระชับสัดส่วน สลายไขมัน เลือกอะไรดี?

Meso Fat vs. CoolSculpting กระชับสัดส่วน สลายไขมัน เลือกอะไรดี?

 ปัญหาไขมันส่วนเกิน เป็นปัญหากวนใจที่ทำให้หลาย ๆ คนขาดความมั่นใจในรูปร่างของตนเอง แต่ในปัจจุบันได้มีเทคโนโลยีกำจัดไขมันส่วนเกินถือกำเนิดขึ้นมาหลายวิธี ทั้งหัตถการที่ใช้วิธีการผ่าตัด วิธีการฉีด รวมถึงวิธีการนวดสลายไขมัน

 แม้จะมีวิธีกระชับสัดส่วนอยู่หลายวิธี แต่วิธีที่ได้รับความนิยมสูงและถูกพูดถึงบ่อย จะเป็นวิธีไหนไปไม่ได้นอกจากการฉีด Meso Fat และการทำ CoolSculpting นั่นเอง เนื่องจากเป็นวิธีที่สะดวก เห็นผลรวดเร็ว อีกทั้งยังไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ทำให้กลายเป็นวิธีที่หลาย ๆ คนเลือก แต่การฉีด Meso Fat และการทำ CoolSculpting นั้นต่างกันอย่างไร แบบไหนจะเหมาะกับคุณมากกว่ากัน วันนี้เรามีคำตอบมาให้ค่ะ

สลายไขมันด้วย Meso Fat คือ

 เมโสแฟต (Meso Fat) คือ ยาสลายไขมันส่วนเกินที่ใช้ฉีดเข้าไปใต้ผิวหนังเพื่อสลายไขมัน โดยเมโสแฟตจะไปกระตุ้นระบบการทำงานการสลายไขมัน ทำให้ไขมันแตกตัว สลายตัว และถูกขับออกจากร่างกายทางระบบขับถ่าย โดยเมโสแฟตสามารถฉีดเพื่อสลายไขมันได้ทั้งบริเวณใบหน้า เหนียง และส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย

สลายไขมันด้วย CoolSculpting คือ

 CoolSculpting คือ เทคโนโลยีที่สลายไขมันด้วยความเย็น ด้วยกระบวนการ Cryolipolysis (ไครโอไลโปไลซิส) เป็นการใช้ความเย็นในการดึงอุณภูมิความร้อนออกจากชั้นผิวหนัง และผลักความเย็นเข้าไปแทน เพื่อแช่แข็งเซลล์ไขมัน ด้วยความเย็น -11°C ประมาณ 35 นาที เมื่อเซลล์ไขมันแข็งตัวหรือกลายเป็นผลึกน้ำแข็ง ก็จะนวดบริเวณนั้น ๆ เพื่อให้เซลล์ไขมันสลายตัว และถูกกำจัดออกจากร่างกาย

แตกต่างกันอย่างไรบ้าง?

• Meso Fat

- เป็นหัตถการที่ใช้เข็มฉีดยา

- กำจัดไขมันเฉพาะจุดด้วยยาสลายไขมัน ซึ่งไขมันสามารถเกิดขึ้นมาได้อีกตามพฤติกรรมการใช้ชีวิต

- สลายไขมันได้แทบทุกส่วนของร่างกาย ทั้งบริเวณใบหน้า เหนียง ต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง สะโพก

- เห็นผลภายใน 1-3 สัปดาห์ ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 2-3 เดือน ซึ่งไม่ยืนยาวเท่าการทำCoolSculpting

- ราคาถูกกว่า การทำ CoolSculpting

- นิยมใช้สลายไขมันบริเวณใบหน้า แก้มมากกว่าการสลายไขมันตามจุดต่าง ๆ ของร่างกาย

• CoolSculpting

- เป็นหัตถการที่ไม่ใช้เข็มฉีดยา

- เป็นการจำกัดเซลล์ไขมันในขั้นผิวหนัง เมื่อสลายไปแล้วจะไม่มีเซลล์ไขมันเกิดมาใหม่ แต่เซลล์ไขมันที่คงอยู่อาจขยายตัว ตามพฤติกรรมการใช้ชีวิต

- สามารถสลายไขมันได้หลายบริเวณ เนื่องจากเครื่อง CoolSculpting มีหัวหลายขนาด ทำให้สามารถสลายไขมัน สลายเซลลูไลท์ได้หลายจุด ไม่ว่าจะเป็น บริเวณเหนียง หน้าท้อง เอว ขาด้านใน ขาด้านนอก สะโพก ปีกหลัง ใต้ก้น

- ไม่สามารถนำมาใช้ในการสลายไขมันบริเวณแก้มหรือใบหน้าได้เหมือนเมโสแฟต

- เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันระดับปานกลาง (BMI<35) ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันเยอะ (BMI>35) เพราะอาจเห็นผลลัพธ์ไม่ชัดเจน

- มีผลการวิจัยทางการแพทย์ชี้ว่า สามารถลดจำนวนเซลล์ไขมันชั้นผิวหนังได้ถึง 25% ในการทำ 1 ครั้ง

- เริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ 3 สัปดาห์ หลังทำเป็นต้นไป และเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจนประมาณ 3 เดือนหลังการทำ

เลือกยังไงดี?

• ผู้ที่ต้องการสลายไขมันบริเวณใบหน้า เหนียง

 หากคุณเป็นคนที่อยากสลายไขมันบริเวณใบหน้า แก้ม เหนียง ให้ใบหน้าเรียวกระชับ วีเชฟ หน้าไม่บาน ไม่กลม การฉีดเมโสแฟตเป็นวิธีสลายไขมันที่เหมาะกับคุณมากกว่า เนื่องจาก Coolsculpting มักนิยมใช้ในการสลายไขมันบริเวณร่างกายมากกว่า อีกทั้งไม่ถูกนำมาใช้ในการสลายไขมันบริเวณแก้ม นอกจากนี้ การฉีดเมโสแฟตมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า เห็นผลได้รวดเร็วมากกว่า

• ผู้ที่ต้องการสลายไขมันบริเวณส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย

ผู้ที่มีไขมันหน้าท้องเยอะ หรือผู้ที่มีไขมันสะสมตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเยอะ ไม่เหมาะกับการฉีดเมโสแฟตเพื่อสลายไขมัน เนื่องจากอาจไม่คุ้มค่า เพราะอาจต้องใช้เมโสแฟตในปริมาณที่มาก อีกทั้งผลลัพธ์ก็ไม่ยืนยาว ผู้ที่อยากกำจัดไขมันเฉพาะจุดตามร่างกายจึงเหมาะกับการสลายไขมันด้วย CoolSculpting มากกว่าค่ะ

 นอกจากนี้ หากคุณเป็นคนที่กลัวเข็ม ไม่อยากฉีดยาเข้าสู่ร่างกายและมีต้นทุนสูง การเลือกทำ CoolSculpting จะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณมากกว่า เพราะจะได้ทั้งความสบายใจและผลลัพธ์ที่ยืนยาว แต่ถ้าคุณมีต้นทุนที่ไม่มาก ไม่อยากจ่ายในราคาแพง ก็สามารถเลือกการฉีดเมโสแฟตเพื่อสลายไขมันได้ค่ะ แม้ผลลัพธ์จะไม่คงทน แต่ก็สามารถอยู่ได้นาน 2-3 เดือนหรือนานกว่านั้น หากควบคุมอาหาร หลีกเลี่ยงไขมัน และออกกำลังกายเบา ๆ ในทุกวันค่ะ

 ที่ De Queens Clinic คลินิกเสริมความงามชลบุรี คลินิกเสริมความงามเพชรบุรี เรามีบริการฉีดเมโสแฟตสำหรับผู้ที่ต้องการสลายไขมัน หากมีข้อสงสัยหรืออยากปรึกษาคุณหมอก่อนการทำหัตถการ สามารถติดต่อเข้ามาได้ทั้ง 2 สาขา หรือทาง Line: @dequeensclinic เรายินดีให้บริการค่ะ