แนวทางปฏิบัติตัวหลังทำหัตถการ

แนวทางปฏิบัติตัวหลังทำหัตถการ

แนวทางปฏิบัติตัวหลังฉีดโบท็อกซ์

ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ดังนี้

1. หลังฉีด ทันที ไม่ควรจับ ลูบคลำ หรือนวดบริเวณที่ฉีด เพราะอาจมีผลต่อการกระจายตัวของตัวยา

2. ภายใน 4 ชั่วโมง หลังฉีดใหม่ๆ ยังไม่ควรไปนอนราบ หรือนอนตะแคง เพราะในช่วง 4 ชั่วโมงแรก เป็นช่วงการซึมของยาเข้ากล้ามเนื้อ ถ้านอนตะแคงจะทำให้การกระจายตัวของยาผิดจากตำแหน่งที่แพทย์คาดการณ์ไว้ได้ เมื่อเลย 4 ชั่วโมงไปแล้ว สามารถนอน หรือตะแคงได้ตามปกติ

3. ภายใน 4 ชั่วโมงแรก หลังฉีดโบท๊อกซ์ มีความสำคัญมากๆ ต้องบริหารกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดบ่อยๆ เพื่อให้ตัวยาซึมเข้าสู่กล้ามเนื้อที่ต้องการให้ออกฤทธิ์มากที่สุด เช่น ฉีดหางตา ควรยิ้มบ่อยๆ ฉีดหน้าผากควรยักคิ้วบ่อยๆ หรือฉีดกรามควรเคี้ยวหมากฝรั่ง 15-30 นาที หรือ 4 ชั่วโมง ตามดุลยพินิจแพทย์

4. ภายใน 2 สัปดาห์แรก ควรงดการเข้าอบไอน้ำ อบซาวน่า ยิงเลเซอร์ ทำ RF หรือ Ionto ที่หน้า เพราะความร้อนเฉพาะจุดเป็นเวลานานอาจส่งผลต่อโบท๊อกซ์ได้ใน 2 สัปดาห์แรกความร้อนที่สามารถโดนได้คือ ไดร์เป่าผม อาบน้ำอุ่น (งดบริเวณที่ฉีด โบท๊อกซ์) และโดนแสงแดดที่ไม่แรงจ้าเกินไปได้ตามปกติ

5. หลังฉีดแต่งหน้า ทาแป้ง ทาครีมได้ตามปกติ เมื่อผ่านไป 1 สัปดาห์สามารถทำ Treatment ได้ตามปกติ (ยกเว้น Laser, RF และ Ionto ต้องรอ 2 สัปดาห์)

6. สำหรับการฉีดโบท๊อกซ์ที่กล้ามเนื้อมัดใหญ่ เช่น กล้ามเนื้อกราม และน่อง ตัวยาจะเริ่มออกฤทธิ์ภายใน 2-4 สัปดาห์ ดังนั้น ช่วงแรกๆ อาจยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง ฤทธิ์ยาจะมีผลสูงสุดในช่วง 4-8 สัปดาห์ (1-2 เดือน) และจะหมดฤทธิ์เมื่อครบเวลา 4-6 เดือน หรืออาจจะนานกว่านี้ กรณีที่ฉีดโบท๊อกซ์อย่างต่อเนื่องเป็นประจำ ดังนั้นถ้าจะให้เห็นผลในการลดขนาดกล้ามเนื้อกรามและน่องอย่างมีประสิทธิภาพควรฉีดต่อเนื่องกันทุก 4-6 เดือน ประมาณ 3-4 ครั้ง เมื่อหยุดฉีดขาดกล้ามเนื้อจะเปลี่ยนไปจนสังเกตได้

7. ใน 2 วันแรก งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะแอลกอฮอล์ จะเพิ่มระบบการไหลเวียนของเลือด และจะเป็นการล้างยาโบท๊อกที่ฉีดไป

8. หลังฉีดสามารถรับประทานอาหาร ออกกำลังกาย และใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ


คำแนะนำภายหลังการฉีดฟิลเลอร์ (Cell Booster)

ข้อพึงปฏิบัติของผู้รับบริการหลังเข้ารับการทำหัตถการ

-หลีกเลี่ยงการแตะ แกะ เกาและกดนวดในจุดที่ฉีด อาจมีอาการบวมแดงหรือเขียวช้ำเป็นปกติ จะค่อยๆ ดีขึ้นใน 2-3 วัน (หากหลังจาก 3 วันไปแล้ว มีอาการบวมมากขึ้นให้ติดต่อกลับมาที่คลินิกเพื่อรับยาทานเพิ่ม)

-หลังทำควรรีบทานยาฆ่าเชื้อ นอกจากนี้ยังมียาแก้ปวด ลดบวมกลับบ้านไปทาน

-ควรอยู่ในที่อากาศเย็น หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดและกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดงอย่างน้อย 48 ชม. เช่น ซาวน่า ออกกำลังกายหนัก ตากแดด

-ให้งดเลเซอร์ความร้อนที่ลงผิวชั้นลึกทุกชนิดอย่างน้อย 1 เดือน

-อย่าขยับผิวในบริเวณที่ทำมากโดยเฉพาะช่วง 3 วันแรก เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนได้

-ควรงดทานอาหารบางอย่างที่ส่งผลต่อการอักเสบ บวมและทำให้ฟิลเลอร์เข้าที่ได้ช้าลง ดังนี้

    -งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด

    - งดอาหารหมักดอง อาหารที่เผ็ดมากๆ จนหน้าแดง อาหารรสหวานจัดและอาหารดิบจากร้านที่ไม่สะอาด

    - งดสูบบุหรี่ เพราะจะทำให้ยุบบวมช้าและส่งผลต่อการรักษาอยู่ได้สั้นลงด้วยค่ะ


ข้อควรปฏิบัติหลังทำ Miniface lift / foxy eye

- รับประทานยาแก้อักเสบ ในช่วงสัปดาห์แรกหลังทำ Miniface lift / foxy eye ควรรับประทานยาแก้อักเสบ หรือยาฆ่าเชื้อ เพื่อช่วยให้บรรเทาอาการบวมแดงและลดการอักเสบติดเชื้อของแผล

- ประคบเย็นลดอาการบวม สำหรับใครที่แผลช้ำ หรือมีอาการบวมมากเป็นพิเศษ อาจนำน้ำแข็งห่อผ้าแล้วประคบบริเวณที่ร้อยไหมทุกๆ4ชั่วโมงร่วมกับการรับประทานยาลดบวม

- ไม่ถูหน้า หรือล้างหน้าแรง ๆ สิ่งสำคัญที่ควรระวังมากเป็นพิเศษคือ การทำความสะอาดหน้ารวมถึงการสัมผัสผิวหน้าในช่วงเดือนแรก ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงการล้างหน้าแบบลูบ หรือถูหน้าแรง ๆ โดยเด็ดขาดเพื่อป้องกันไม่ให้เส้นไหมเคลื่อนตัวหรือบิดเบี้ยว

- งดกิจกรรมเสริมความงามเกี่ยวกับผิวหน้า ไม่ว่าจะเป็นการทำทรีทเม้นท์ เลเซอร์ นวดหน้า ขัดผิวต่าง ๆ รวมถึงการอบไอน้ำ อบซาวน่า และการทำศัลยกรรมประเภทอื่น ๆ ในช่วง 2 สัปดาห์แรก เพราะอาจทำให้แผลเสี่ยงต่อการอักเสบจนอาจทำให้เกิดการติดเชื้อลุกลามในอนาคต

- หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการกดทับแผลบริเวณที่ทำการ Miniface lift / foxy eye ควรนอนหงายแทนการนอนคว่ำและการนอนตะแคงก่อนในช่วงเดือนแรกงดอาหารแสลง และตัวยาบางชนิด ได้แก่ อาหารทะเล ของหมักดอง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และกลุ่มยาแอสไพริน วิตามินอี น้ำมันสกัดบางชนิด ซึ่งมีสรรพคุณทำให้เลือดหยุดไหลช้า และทำให้เกิดแผลฟกช้ำได้ง่าย

- พบแพทย์ทันทีเมื่อมีอาการผิดปกติ ในกรณีของคนที่มีอาการอักเสบบวม มีอาการปวดแผลติดต่อกันหลายวัน หรือเส้น face lift โผล่ออกมา แนะนำว่าไม่ควรรอดูอาการ หรือทำการตัดออกเองโดยเด็ดขาด ให้รีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อทำการตรวจรักษาตามอาการอย่างทันท่วงที


ข้อควรปฎิบัติหลังการรับการรักษาเส้นเลือดขอด

- งดแช่น้ำอุ่นภายใน 24 ชั่วโมง

- งดยกของหนัก ยืนนานๆ และการออกกำลังกายหนักเป็นระยะเวลา 3 – 7 วัน

- สวมใส่ผ้ายืดในบริเวณที่ทำการรักษา เพื่อประครองกล้ามเนื้อและเส้นเลือดบริเวณที่รับการรักษา ควรใส่อย่างน้อย    ประมาณ 7 วันขึ้นไป หรือขึ้นอยู่กับคำแนะนำของแพทย์

- พบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามผลการรักษา


ข้อควรปฏิบัติหลังทำ Nose lift

- รับประทานยาแก้อักเสบ ในช่วงสัปดาห์แรกหลังทำ Nose lift ควรรับประทานยาแก้อักเสบ หรือยาฆ่าเชื้อ เพื่อช่วยให้บรรเทาอาการบวมแดงและลดการอักเสบติดเชื้อของแผล

- ประคบเย็นลดอาการบวม สำหรับใครที่แผลช้ำ หรือมีอาการบวมมากเป็นพิเศษ อาจนำน้ำแข็งห่อผ้าแล้วประคบบริเวณที่ร้อยไหมทุกๆ4ชั่วโมงร่วมกับการรับประทานยาลดบวม

- ไม่ถูหน้า หรือล้างหน้าแรง ๆ สิ่งสำคัญที่ควรระวังมากเป็นพิเศษคือ การทำความสะอาดหน้ารวมถึงการสัมผัสผิวหน้าในช่วงเดือนแรก ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงการล้างหน้าแบบลูบ หรือถูหน้าแรง ๆ โดยเด็ดขาดเพื่อป้องกันไม่ให้เส้นไหมเคลื่อนตัวหรือบิดเบี้ยว

- งดกิจกรรมเสริมความงามเกี่ยวกับผิวหน้า ไม่ว่าจะเป็นการทำทรีทเม้นท์ เลเซอร์ นวดหน้า ขัดผิวต่าง ๆ รวมถึงการอบไอน้ำ อบซาวน่า และการทำศัลยกรรมประเภทอื่น ๆ ในช่วง 2 สัปดาห์แรก เพราะอาจทำให้แผลเสี่ยงต่อการอักเสบจนอาจทำให้เกิดการติดเชื้อลุกลามในอนาคต

- หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการกดทับแผลบริเวณที่ทำการ Nose lift ควรนอนหงายแทนการนอนคว่ำและการนอนตะแคงก่อนในช่วงเดือนแรกงดอาหารแสลง และตัวยาบางชนิด ได้แก่ อาหารทะเล ของหมักดอง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และกลุ่มยาแอสไพริน วิตามินอี น้ำมันสกัดบางชนิด ซึ่งมีสรรพคุณทำให้เลือดหยุดไหลช้า และทำให้เกิดแผลฟกช้ำได้ง่าย

- พบแพทย์ทันทีเมื่อมีอาการผิดปกติ ในกรณีของคนที่มีอาการอักเสบบวม มีอาการปวดแผลติดต่อกันหลายวัน หรือเส้น Nose lift โผล่ออกมา แนะนำว่าไม่ควรรอดูอาการ หรือทำการตัดออกเองโดยเด็ดขาด ให้รีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อทำการตรวจรักษาตามอาการอย่างทันท่วงที