
ปัญหาฝ้าหนักเป็นอีกหนึ่งปัญหาผิวที่ทำให้หลายคนรู้สึกกังวลใจ เพราะเมื่อฝ้าเข้มขึ้นจนเห็นเป็นปื้นใหญ่ ผิวหน้าจะดูหมอง ไม่สม่ำเสมอ และแต่งหน้าได้ยากขึ้นกว่าเดิม หลายคนพยายามหาครีมหรือสูตรต่างๆ มาลองใช้ แต่กลับไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจน หรือบางครั้งทำให้ผิวระคายเคืองมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ
จริงๆ แล้วการรักษาฝ้าหนักให้จางลงได้ ต้องเริ่มจากการเข้าใจว่าฝ้าเกิดจากอะไร อยู่ลึกแค่ไหน และควรใช้วิธีการรักษาประเภทใดที่เหมาะกับสภาพผิวของแต่ละคน เพราะฝ้าแต่ละแบบตอบสนองต่อการรักษาไม่เหมือนกัน การ “เดาเอาเอง” หรือ “ลองใช้ตามคำบอกต่อ” จึงอาจไม่ช่วย และในบางกรณีทำให้ฝ้าชัดกว่าเดิมอีกด้วย
ทำไมบางคนถึงเป็นฝ้าหนักมาก
ฝ้าหนักมักเกิดจากหลายสาเหตุร่วมกัน เช่น แสงแดดสะสมเป็นเวลานาน ความร้อน ฮอร์โมน การใช้ยาบางชนิด พันธุกรรม รวมถึงการใช้ครีมที่ไม่เหมาะกับผิว โดยเฉพาะครีมผสมสเตียรอยด์ที่ทำให้ผิวบางลงอย่างรวดเร็ว เมื่อผิวบางจึงไวต่อแสงมากขึ้น ส่งผลให้ฝ้าเข้มขึ้นเรื่อยๆ แม้จะออกแดดเพียงระยะสั้นๆ
ในหลายเคสที่พบ ฝ้าหนักมักเป็นชนิด “ฝ้าลึก” หรือ “ฝ้าผสม” ซึ่งเป็นประเภทที่ดูเข้มเป็นปื้น และรักษาได้ค่อนข้างช้ากว่าฝ้าตื้นทั่วไป เพราะเม็ดสีอยู่ลึกลงไปในชั้นผิวมากกว่า การทาครีมหรือการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงเพียงอย่างเดียวจึงมักไม่เพียงพอ
ประเภทของฝ้าที่ควรรู้ ก่อนเริ่มรักษา
หลายคนไม่รู้ว่าฝ้ามีหลายประเภท และการวินิจฉัยให้ถูกต้องตั้งแต่แรกคือหัวใจสำคัญของการรักษา โดยแบ่งได้ดังนี้
- ฝ้าตื้น อยู่ในผิวชั้นหนังกำพร้า ลักษณะเป็นปื้นสีน้ำตาลเข้ม ขอบค่อนข้างชัด เจอแสงแดดทีไรเข้มขึ้นง่าย แต่ตอบสนองต่อการรักษาได้ดี
- ฝ้าลึก เม็ดสีลงไปอยู่ในชั้นหนังแท้ ทำให้สีออกเทา น้ำเงิน หรือม่วง ขอบไม่ชัด และรักษายากกว่า เห็นผลช้ากว่า
- ฝ้าผสม คือมีทั้งส่วนลึกและตื้นรวมกัน พบได้บ่อย จึงต้องใช้หลายวิธีร่วมกันเพื่อให้เห็นผล
- ฝ้าจากผิวคล้ำมาก พบในผู้ที่ผิวเข้มมากจนแยกชั้นฝ้าได้ยาก แม้ตรวจด้วยเครื่องเฉพาะทาง
- ฝ้าแดด เป็นฝ้าที่เกิดจากการสะสมของรังสี UV รวมถึงแสงสีฟ้าจากมือถือหรือคอมพิวเตอร์ ทำให้ปื้นฝ้าเข้มขึ้นเรื่อยๆ หากไม่ป้องกัน
- ฝ้าเลือด เกิดจากความไวของผิวต่อแสงร่วมกับการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เมื่อออกแดดมักมีรอยแดงร่วมด้วย ทำให้ผิวอักเสบง่าย
การรู้ว่าตัวเองเป็นฝ้าประเภทไหน จะช่วยให้แพทย์วางแผนการรักษาได้ตรงจุดมากขึ้น และช่วยลดโอกาสการเกิดรอยดำซ้ำหลังการรักษา
ฝ้าหนักอันตรายไหม
โดยทั่วไปฝ้าไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่เป็นปัญหาผิวที่ส่งผลโดยตรงต่อความมั่นใจ บางคนถึงขั้นส่งผลต่อบุคลิกภาพ การเข้าสังคม และประสิทธิภาพในการทำงาน สิ่งที่ต้องระวังคือการ “รักษาผิดวิธี” เช่น
- ใช้ครีมที่ไม่มี อย.
- ใช้ครีมผสมสเตียรอยด์
- ใช้ผลิตภัณฑ์ปรอท ไฮโดรควิโนนเกินมาตรฐาน
ในช่วงแรกอาจดูเหมือนดี แต่ระยะยาวอาจทำให้ผิวบาง ระคายเคืองง่าย แพ้แสงหนักขึ้น เกิดเป็นปื้นดำลึกที่รักษายากกว่าเดิม และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคผิวหนังร้ายแรง
เป็นฝ้าหนักมาก รักษาด้วยวิธีไหนดี
หมอขออธิบายทีละวิธีให้เข้าใจง่าย พร้อมจุดเด่นของแต่ละการรักษา
-
เมโสฝ้า
คือการฉีดวิตามินและตัวยาที่ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีลงสู่ผิวชั้นกลางโดยตรง เหมาะสำหรับผู้ที่อยากเห็นผลเร็วขึ้นและมีฝ้าระดับปานกลางถึงหนัก ช่วยให้ฝ้าดูลดลงและสีผิวสว่างขึ้น แต่ควรทำควบคู่กับการดูแลผิวและครีมกันแดดอย่างเคร่งครัด -
เลเซอร์รักษาฝ้า
เลเซอร์จะช่วยทำลายเม็ดสีที่ผิดปกติใต้ผิว เช่น Pico Laser Q-Switched หรือเลเซอร์ Dual Yellow การทำเลเซอร์จำเป็นต้องประเมินโดยแพทย์ว่าชนิดไหนเหมาะกับฝ้าของคนไข้ เพราะหากยิงแรงหรือผิดพลังงาน อาจยิ่งกระตุ้นให้ฝ้าเข้มขึ้นได้ -
IPL หรือแสงความเข้มสูง
เหมาะกับฝ้าตื้นหรือฝ้าผสมบางประเภท ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ลดรอยฝ้า กระ และรอยแดงบางชนิด แต่ผลลัพธ์จะชัดเมื่อทำต่อเนื่องหลายครั้ง -
ไอออนโต (Ionto)
เป็นการผลักวิตามินสู่ผิวด้วยกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ ช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้น เหมาะสำหรับฝ้าตื้นหรือผู้ที่ต้องการดูแลร่วมกับวิธีหลัก -
โฟโน (Phono)
ใช้คลื่นเสียงแทนไฟฟ้า อ่อนโยนกว่า เหมาะสำหรับคนผิวแพ้ง่ายหรือผู้ที่ไม่เหมาะกับไอออนโต -
กรอผิว (Microdermabrasion)
ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่หมองคล้ำให้หลุดออก ทำให้ฝ้าตื้นๆ จางลง แต่ไม่เหมาะกับฝ้าลึกหรือฝ้ารุนแรง -
ครีมทาฝ้าจากแพทย์
เหมาะสำหรับฝ้าตื้นหรือใช้ควบคู่กับหัตถการ ช่วยลดการสร้างเม็ดสีและผลัดผิวอย่างปลอดภัย -
สูตรธรรมชาติบำรุงผิว
เช่น หัวไชเท้า ใบบัวบก มะขามเปียก แม้ช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดเม็ดสีได้ระดับหนึ่ง แต่ควรระวังการแพ้ ระคายเคือง หรือผิวบางลง จึงไม่เหมาะสำหรับผู้มีฝ้าหนักมาก
โดยรวมแล้ว หากเป็น “ฝ้าหนักมาก” แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินชั้นฝ้า และออกแบบการรักษาแบบผสมผสาน จะเห็นผลชัดเจนและปลอดภัยกว่าใช้เพียงวิธีเดียว
การเลือกคลินิกรักษาฝ้าอย่างปลอดภัย
เพื่อให้การรักษาได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ ควรเลือกคลินิกที่มีมาตรฐานทางการแพทย์
- มีใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย และแสดงชื่อคลินิกพร้อมเลขที่ใบอนุญาต 11 หลักอย่างชัดเจน
- มีทีมแพทย์ที่เชี่ยวชาญ และมีใบประกอบวิชาชีพถูกต้อง
- ใช้ผลิตภัณฑ์และเครื่องมือที่ได้รับการรับรอง และสามารถตรวจสอบแหล่งนำเข้าได้
- บรรยากาศสะอาด ปลอดเชื้อ ห้องหัตถการกว้างขวาง ไม่อับทึบ
- มีรีวิวจากผู้รับบริการจริง จากแหล่งที่เชื่อถือได้
- มีระบบติดตามผลการรักษา และให้คำแนะนำหลังทำอย่างต่อเนื่อง
วิธีดูแลตัวเองเพื่อป้องกันฝ้า กระ และจุดด่างดำ
- หลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดโดยตรง แสงแดดเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดฝ้าและกระ หากต้องทำกิจกรรมนอกบ้าน แนะนำให้สวมหมวกปีกกว้าง แว่นกันแดด หรือพกร่มติดตัว เพื่อช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV
- ทาครีมกันแดดทุกวันอย่างสม่ำเสมอ เลือกใช้กันแดดที่มีค่า SPF 50 PA+++ และทาให้เพียงพอ โดยปริมาณที่แนะนำคือประมาณ 1–2 เหรียญสิบบาท หรือประมาณ 2 ข้อนิ้ว เพื่อให้ครอบคลุมทั่วทั้งใบหน้า ปกป้องผิวจากทั้งแสงแดดและแสงสีฟ้าจากหน้าจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
- เน้นรับประทานอาหารที่ดีต่อผิว การกินผักผลไม้ที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น เบอร์รี มะเขือเทศ และแอปเปิล จะช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว ป้องกันการเกิดฝ้าและกระที่มักเกิดจากรังสียูวีและมลภาวะได้อย่างเป็นธรรมชาติ
- พักผ่อนให้เพียงพอ ควรนอนหลับอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อให้ร่างกายได้รับการฟื้นฟูอย่างเต็มที่ ช่วยให้ฮอร์โมนในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น และอาจช่วยลดการทำงานของเม็ดสีเมลานิน ทำให้ฝ้า กระ ดูจางลง
- หลีกเลี่ยงยาที่มีส่วนผสมของฮอร์โมน (หากเป็นไปได้และปรึกษาแพทย์แล้ว) ฝ้าที่เกิดจากการรับประทานยาคุม หรือเกิดระหว่างตั้งครรภ์ หากหยุดยาหรือหลังคลอด ฝ้าจะค่อยๆ จางไปเอง
รักษาฝ้า ด้วยเมโสที่ De Queens Clinic ดีอย่างไร
การรักษาฝ้า กระ และจุดด่างดำที่ De Queens Clinic เราเน้นการดูแลแบบเฉพาะบุคคล โดยก่อนเริ่มการรักษา คุณหมอจะทำการประเมินสภาพผิวหน้าอย่างละเอียด เพื่อวางแผนการรักษาและเลือกโปรแกรมที่เหมาะกับสภาพผิวและปัญหาของแต่ละท่านอย่างตรงจุด
เมโสฝ้า (Meso หน้าใส) ที่เราเลือกใช้ คือ มาเด้ คอลลาเจน (Made Collagen) ซึ่งเป็นตัวยาที่ได้รับความนิยมสูงในวงการแพทย์ผิวหนัง ช่วยเรื่อง
- ลดสิว ลดผื่น
- ลดการอักเสบใต้ผิว
- ปรับสมดุลผิวให้แข็งแรง
- ช่วยให้ผิวเรียบเนียนและสว่างกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ
นอกจากนี้ De Queens Clinic ยังมีโปรแกรมรักษาฝ้าแบบครบวงจร สำหรับผู้ที่มีฝ้าฝังลึกหรือมีหลายปัญหาร่วมกัน เช่น
- Melasma Clear โปรแกรมดูแลฝ้าแบบลึกถึงชั้นผิว ด้วยตัวยาที่ช่วยลดเม็ดสี และฟื้นฟูผิวอย่างอ่อนโยน
- Meso สะกิดหน้าใส ช่วยผลักวิตามินบำรุงเข้าสู่ผิวอย่างล้ำลึก ลดจุดด่างดำ และรอยฝ้าให้จางลง
- Spectra Q-Switch Laser (USA) และ Pico Laser เลเซอร์คุณภาพสูง ช่วยลดเม็ดสีเมลานินที่เป็นต้นเหตุของฝ้า กระ และจุดด่างดำ พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ฟื้นฟูผิวหน้าให้เรียบเนียนและกระจ่างใสยิ่งขึ้น
การรักษาฝ้า ไม่ว่าจะเป็นวิธีทางธรรมชาติหรือวิธีทางการแพทย์ ล้วนมีเป้าหมายเพื่อช่วยลดการทำงานของเซลล์เม็ดสีเมลานินที่มากเกินไป รวมถึงช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าและขจัดเม็ดสีที่สะสมอยู่ใต้ผิว แม้ว่าฝ้าจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดถาวรได้ แต่สามารถทำให้สีผิวดูสม่ำเสมอขึ้น ฝ้าจางลงได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งนี้ผลลัพธ์ของการรักษาจะขึ้นอยู่กับประเภทของฝ้า ความสม่ำเสมอในการรับการรักษา และการดูแลตัวเองควบคู่กันไป
ที่ De Queens Clinic เราให้บริการรักษาฝ้าโดยเน้นความปลอดภัย ให้ผลลัพธ์ที่ดี และออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล โดยแพทย์จะประเมินสภาพผิวและชนิดของฝ้าอย่างละเอียด ก่อนเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นเมโสหน้าใสสูตรฝ้าเฉพาะทาง โปรแกรม Melasma Clear ที่ช่วยลดเม็ดสีอย่างอ่อนโยน หรือการใช้เลเซอร์คุณภาพสูงจากอเมริกา เช่น Spectra Q-Switch และ Pico Laser ที่สามารถลดเลือนฝ้า กระ จุดด่างดำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทุกขั้นตอนดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เราเลือกใช้ตัวยาที่ผ่านการรับรองจาก อย. ไม่มีสารอันตราย ไม่มีสเตียรอยด์ ไม่ใช้ตัวยาสลายฟิลเลอร์ที่อาจทำลายคอลลาเจนในผิว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลผิวอย่างปลอดภัยและยั่งยืน
หากคุณมีปัญหาฝ้าหรืออยากปรึกษาแนวทางการดูแลผิว สามารถติดต่อสอบถามหรือเข้ามาพบแพทย์ที่ De Queens Clinic ทั้ง 2 สาขาได้
Line: @dequeensclinic