ร้อยไหมแล้วเป็นร้อยนูน เกิดจากอะไร

ไหมแล้วเป็นร้อยนูน เกิดจากอะไร

การร้อยไหมเป็นหัตถการยอดนิยมสำหรับการยกกระชับและปรับรูปหน้าให้ดูเรียบเนียนขึ้น แต่หลายคนอาจพบปัญหา “ร้อยไหมแล้วเป็นรอยนูน” จนรู้สึกกังวลว่าเป็นอาการปกติหรือเกิดจากความผิดพลาดบางอย่างที่ต้องรีบแก้ไขหรือไม่

จริงๆ แล้ว รอยนูนหลังร้อยไหมสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น เทคนิคของแพทย์ ชนิดของไหมที่เลือกใช้ ไปจนถึงการดูแลตัวเองหลังทำ หากเข้าใจสาเหตุอย่างถูกต้องและรู้วิธีจัดการ รอยนูนก็สามารถยุบลงได้เร็วขึ้น พร้อมลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น

บทความนี้จะพาคุณมาทำความเข้าใจว่า รอยนูนหลังร้อยไหมเกิดจากอะไร อันตรายหรือไม่ และมีวิธีรับมืออย่างไรให้ได้ผล เหมาะสำหรับทั้งผู้ที่กำลังวางแผนร้อยไหม หรือผู้ที่กำลังเผชิญปัญหานี้อยู่

ร้อยไหมแล้วเป็นรอยนูน คืออะไร

ร้อยไหมแล้วเกิด “รอยนูน” คืออาการที่ผิวบริเวณที่ทำหัตถการมีลักษณะนูนขึ้นเล็กน้อย คล้ายเส้นหรือปุ่มใต้ผิว ซึ่งเป็นภาวะที่พบได้บ่อยหลังร้อยไหม อาการนี้อาจเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น การบวมตามปกติหลังทำ เทคนิคการร้อยไหม สภาพผิวของแต่ละคน หรือวิธีดูแลตัวเองในช่วงพักฟื้น

รอยนูนเกิดจากเส้นไหมหรือเนื้อเยื่อบริเวณนั้นมีการดันตัว ทำให้ผิวดูไม่เรียบเสมอกัน บางรายอาจคลำได้เป็นเส้นหรือก้อนเล็กๆ หรือมองเห็นเป็นเส้นจางๆ ใต้ผิว

ลักษณะรอยนูนหลังร้อยไหมสามารถแบ่งได้เป็น 4 ประเภท ดังนี้

1. รอยนูนและอาการบวมที่สามารถหายเองได้

เป็นรอยนูนลักษณะนิ่ม กดแล้วเจ็บเล็กน้อย มักเกิดจากอาการบวม หรือรอยช้ำในช่วงแรกหลังร้อยไหม ซึ่งถือว่าเป็นผลข้างเคียงที่สามารถพบได้ และมักค่อยๆ ดีขึ้นเองเมื่อเวลาผ่านไป

โดยทั่วไป อาการบวมจะลดลงภายในประมาณ 1–2 สัปดาห์ ส่วนรอยนูนหรือความไม่เรียบที่เหลืออยู่บนผิว มักจะค่อยๆ ยุบลงภายในประมาณ 4 สัปดาห์ เมื่อเส้นไหมเข้าที่และเนื้อเยื่อเริ่มฟื้นตัว

2. รอยนูนที่เป็นก้อนไตแข็งใต้ผิวหนัง

รอยนูนลักษณะนี้มักเกิดจากปฏิกิริยาของร่างกายต่อเส้นไหมในฐานะวัตถุแปลกปลอม ทำให้เกิดก้อนพังผืดหรือ ก้อนแกรนูโลมา (Granuloma) ซึ่งแตกต่างจากอาการบวมทั่วไปในช่วงแรกหลังทำ

ก้อนประเภทนี้มักมีลักษณะแข็ง ไม่เคลื่อนที่ และไม่ยุบลงเอง แม้เวลาผ่านไปหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน จึงถือว่าเป็นภาวะที่ควรเข้ารับการตรวจประเมินจากแพทย์ เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม เช่น การฉีดสเตียรอยด์เพื่อลดขนาดก้อนตามดุลยพินิจของแพทย์

3. ผิวเป็นคลื่น ไม่เรียบเนียนเวลายิ้ม

ผิวดูเป็นคลื่นหรือไม่เรียบเวลายิ้มหลังร้อยไหม ถือเป็นอาการที่พบได้บ่อยในช่วงแรก สาเหตุเกิดจากเส้นไหมดึงผิวค่อนข้างแน่น หรืออยู่ในตำแหน่งที่ตื้นเกินไป ทำให้ผิวเกิดการย่นเมื่อมีการขยับใบหน้า

โดยทั่วไป อาการนี้มักค่อยๆ ดีขึ้นเองเมื่ออาการบวมลดลง และเมื่อเนื้อเยื่อเริ่มปรับตัวเข้าที่ ซึ่งมักใช้เวลาประมาณ 2–3 สัปดาห์

อย่างไรก็ตาม หากรอยคลื่นยังเห็นได้ชัดหลังผ่านไปหลายสัปดาห์ หรือเห็นได้แม้ในขณะพักหน้า (ไม่ยิ้ม ไม่ขยับหน้า) อาจเป็นสัญญาณของปัญหาด้านเทคนิค เช่น การวางไหมผิดชั้น หรือการดึงตึงมากเกินไป ควรเข้ารับการประเมินจากแพทย์เพื่อหาแนวทางแก้ไขที่เหมาะสม

4. รอยบุ๋มหรือรอยยุบตัวของผิวหนัง

รอยบุ๋มหรือรอยยุบตัวหลังร้อยไหมเป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้ในช่วงแรก และมักหายไปเองเมื่อร่างกายฟื้นตัว โดยรอยบุ๋มเล็กๆ จะค่อยๆ เรียบเนียนขึ้นภายในประมาณ 2–3 สัปดาห์ถึง 2 เดือน ขึ้นอยู่กับการสมานของเนื้อเยื่อและการสร้างคอลลาเจนใหม่

สาเหตุส่วนใหญ่มักมาจากเส้นไหมที่ถูกดึงตึงเกินไป หรืออยู่ในชั้นผิวที่ตื้นจนทำให้ผิวเกิดการย่นหรือยุบตัว

แต่หากรอยบุ๋มลึก มองเห็นได้ชัดเจน หรือไม่ดีขึ้นเลยหลังผ่านไป 2–3 เดือน อาจบ่งบอกถึงปัญหาทางเทคนิคของการร้อยไหม และควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการแก้ไขอย่างเหมาะสม

สาเหตุหลักที่ทำให้ร้อยไหมแล้วเป็นรอยนูน

1. อาการบวมชั่วคราว

หลังการร้อยไหม ร่างกายมักเกิดอาการบวมและช้ำจากการสอดเข็ม รวมถึงผลจากยาชาที่ใช้ก่อนทำ โดยอาการบวมในช่วงแรกถือว่าเป็นเรื่องปกติ และมักค่อยๆ ดีขึ้นภายใน 7–14 วัน

2. ผิวหนังรวมตัวกันในช่วงแรก

เมื่อมีการดึงผิวเพื่อยกกระชับ อาจทำให้ผิวบางบริเวณเกิดการกองรวมตัวกันจนคลำได้เป็นก้อนหรือเป็นไต อาการนี้พบได้บ่อยหลังทำใหม่ๆ และมักลดลงเมื่อเส้นไหมเริ่มเข้าที่และเนื้อเยื่อเรียบตัวมากขึ้น

3. เทคนิคการร้อยไหมและความชำนาญของแพทย์

เทคนิคการร้อยไหมไม่เหมาะสม เทคนิคการทำเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความเรียบเนียนหลังทำ หากวางไหมผิดตำแหน่ง เช่น

  • วางไหมตื้นเกินไป
  • ดึงไหมตึงมากเกินจนผิวเป็นรอน
  • ฝังปลายไหมไม่ลึกพอจนเกิดปม
  • วางไหมผิดชั้นผิว

4. มักทำให้เกิดรอยนูนหรือความไม่สม่ำเสมอได้ง่าย

โดยเทคนิคที่เหมาะสมคือควรวางไหมในชั้นไขมันใต้ผิวหนังด้วยแรงดึงที่พอดี และฝังปลายไหมให้เรียบร้อย เพื่อให้ไหมเข้าที่และลดโอกาสเกิดก้อนนูน

  • ความชำนาญของแพทย์ แพทย์ที่มีประสบการณ์และเข้าใจกายวิภาคของใบหน้าจะสามารถวางไหมได้แม่นยำและนุ่มนวล ช่วยลดโอกาสการเกิดรอยนูนหรือปัญหาที่เกี่ยวกับตำแหน่งการวางไหมได้

5. ปฏิกิริยาของร่างกายและการเกิดพังผืด

ร่างกายอาจตอบสนองต่อไหมซึ่งถือเป็นสิ่งแปลกปลอม ทำให้เกิดพังผืดหรือก้อนแข็ง (Granuloma) ได้ โดยมักเกิดหลังทำไปแล้วหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน อาการนี้ควรได้รับการประเมินจากแพทย์เพื่อวางแผนการรักษา

ปัจจัยเสี่ยงที่อาจเพิ่มโอกาสการเกิดพังผืด ได้แก่

  • ผู้ที่มีแนวโน้มโรคแพ้ภูมิตัวเอง
  • ผู้ที่เกิดแผลเป็นนูนหรือคีลอยด์ง่าย
  • การใช้ไหมชนิดไม่ละลายซึ่งมีโอกาสเกิดพังผืดสูงกว่าไหมชนิดละลาย

6. ชนิดและจำนวนเส้นไหมที่ไม่เหมาะสมกับสภาพผิว

การเลือกไหมไม่เหมาะกับผิวหน้า เช่น ใช้ไหมที่หนา เงี่ยงใหญ่ หรือใช้จำนวนมากเกินไป อาจทำให้เนื้อเยื่อเกิดการกดเบียดจนเกิดรอยนูนได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวบาง

  • ชนิดของไหม ไหมเงี่ยงมีโอกาสเกิดก้อนหากวางตำแหน่งไม่เหมาะสม ส่วนไหมที่มีความหนา เช่น PCL อาจทำให้รู้สึกตึงหรือบวมมากในช่วงแรก
  • จำนวนเส้นไหม การใช้จำนวนมากเกินความจำเป็น เช่น มากกว่า 10 เส้นในครั้งเดียว อาจเพิ่มโอกาสการบวม การบาดเจ็บของเนื้อเยื่อ และการเกิดก้อนนูน โดยเฉพาะในบริเวณผิวบางที่รองรับแรงดึงได้ไม่มาก

7. การดูแลตัวเองหลังทำที่ไม่ถูกต้อง

แม้แพทย์จะทำอย่างเหมาะสม แต่หากดูแลตัวเองหลังทำไม่ดี ก็อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อน เช่น ก้อนนูน รอยบุ๋ม หรือการติดเชื้อได้ โดยพฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่

  • ขยับใบหน้ามากเกินไปในช่วงแรก
  • นอนตะแคงหรือนอนคว่ำ
  • ทำกิจกรรมที่ทำให้ผิวร้อน เช่น ซาวน่า
  • สูบบุหรี่
  • แตะหรือกดบริเวณที่ร้อยไหมบ่อยๆ
  • แต่งหน้าเร็วเกินไป
  • ดื่มน้ำน้อย ทำให้การฟื้นตัวช้าลง

ร้อยไหมแล้วเป็นรอยนูน อันตรายไหม

อาการรอยนูนหลังร้อยไหมอาจเป็นได้ทั้งภาวะปกติที่หายเอง หรือเป็นสัญญาณของภาวะแทรกซ้อน ขึ้นอยู่กับลักษณะของรอยนูนที่เกิดขึ้น

หากเป็นรอยนูนที่นิ่ม กดเจ็บเล็กน้อย และเกิดในช่วงแรกหลังทำ มักดีขึ้นเองภายใน 1–4 สัปดาห์ เมื่ออาการบวมลดลงและไหมเข้าที่ แต่ถ้ารอยนูนมีความผิดปกติ เช่น แข็ง ไม่ขยับ เจ็บมาก หรือมีอาการอื่นร่วมด้วย ควรพบแพทย์เพื่อประเมินทันที

อาการที่ควรรีบพบแพทย์

  • รอยนูนแข็งและไม่ยุบลงตามระยะเวลาปกติ
  • ผิวบริเวณนั้นมีอาการแดง ร้อน ปวดมาก หรือมีการอักเสบ
  • มีไข้ร่วมกับอาการผิดปกติอื่น
  • รอยนูนไม่ดีขึ้นหลังผ่านไปมากกว่า 1 เดือน

วิธีแก้ไขปัญหาร้อยไหมแล้วเป็นรอยนูน

การแก้ไขรอยนูนหลังร้อยไหมขึ้นอยู่กับสาเหตุและลักษณะของรอยที่เกิดขึ้น ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ประเมินและเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุด โดยแนวทางที่ใช้บ่อยจะมีดังนี้

1. ประคบเย็น ประคบร้อนตามช่วงเวลา

  • ประคบเย็น ช่วยลดบวมในช่วง 48 ชั่วโมงแรก
  • หลังจากนั้นจึง ประคบร้อนอุ่น เพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้นและลดความตึงของเนื้อเยื่อ

2. นวดคลายไหม (ในกรณีที่เป็นก้อนขนาดเล็ก)

ใช้ได้ในกรณีที่เป็นก้อนนิ่ม หรือเกิดจากไหมดันเนื้อเยื่อเล็กน้อย แพทย์จะเป็นผู้ประเมินและนวดคลายเฉพาะตำแหน่ง เพื่อช่วยให้ผิวเรียบขึ้น

3. ยกไหมหรือปรับตำแหน่งไหม

หากเกิดจากการวางไหมตื้นเกินไปหรือมีรอยย่นจากแรงดึง แพทย์อาจทำการปรับตำแหน่งไหมใหม่เพื่อลดความไม่สม่ำเสมอของผิว

4. ฉีดสเตียรอยด์ลดพังผืด

กรณีที่เป็นพังผืดแข็ง (fibrosis หรือ granuloma) อาจใช้การฉีดสเตียรอยด์เพื่อลดความหนาและทำให้ก้อนค่อยๆ ยุบตัวลง

5. ตัดไหมหรือดึงไหมออก

หากไม่ตอบสนองต่อวิธีอื่น หรือมีการวางไหมผิดชั้นจนเกิดก้อนแข็งถาวร แพทย์อาจพิจารณาตัดหรือเอาไหมออกเพื่อแก้ไขปัญหาโดยตรง

ทำอย่างไรให้ “ร้อยไหมแล้วไม่เป็นรอยนูน”

การป้องกันปัญหารอยนูนหลังการร้อยไหมสามารถทำได้ตั้งแต่ขั้นตอนการเลือกคลินิก ไปจนถึงการดูแลตัวเองหลังทำ โดยมีแนวทางสำคัญดังนี้

  1. เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน
    คลินิกควรมีใบอนุญาตประกอบกิจการอย่างถูกต้อง ใช้อุปกรณ์และไหมละลายที่ผ่านการรับรอง เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนต่างๆ
  2. ทำโดยแพทย์ที่ชำนาญการด้านร้อยไหม
    แพทย์ที่มีประสบการณ์และความเข้าใจด้านกายวิภาคของใบหน้า จะสามารถประเมินชั้นผิว วางตำแหน่งไหม และควบคุมแรงดึงได้อย่างเหมาะสม ลดโอกาสการเกิดรอยนูน ก้อนแข็ง หรือผิวไม่สม่ำเสมอได้
  3. เลือกชนิดไหมให้เหมาะกับบริเวณ
    ไหมแต่ละชนิดมีคุณสมบัติแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นความหนา ความยืดหยุ่น หรือขนาดของเงี่ยง การเลือกให้เหมาะสมกับสภาพผิวและตำแหน่งที่ต้องการยกกระชับ จะช่วยลดโอกาสการเกิดปัญหาในภายหลังได้
  4. ปฏิบัติตามคำแนะนำหลังทำอย่างเคร่งครัด
    การดูแลตัวเองหลังร้อยไหมมีผลต่อการฟื้นตัวของผิว เช่น การหลีกเลี่ยงการขยับใบหน้ามากเกินไป งดการนวดคลึง งดกิจกรรมที่มีความร้อนจัด และรักษาความสะอาดบริเวณที่ทำหัตถการอย่างเหมาะสม

FAQ คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับการร้อยไหม

ร้อยไหมแล้วเป็นรอยนูน ปกติใช้เวลากี่วันหาย

โดยทั่วไปอาการบวมและรอยนูนหลังร้อยไหมมักจะค่อยๆ ลดลงภายใน 1–2 สัปดาห์แรก เมื่อยุบบวมและเนื้อเยื่อเริ่มปรับตัวดีขึ้น รอยนูนหรือความไม่เรียบที่เหลืออยู่จะทยอยยุบลงภายในประมาณ 4 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับชนิดไหม เทคนิคที่ใช้ และการดูแลหลังทำของแต่ละบุคคล

อย่างไรก็ตาม หากพบว่ารอยนูนมีลักษณะแข็ง ไม่ขยับ และไม่ค่อยยุบลงตามเวลา โดยเฉพาะเมื่อเกิน 4–6 สัปดาห์ แนะนำให้เข้ารับการประเมินจากแพทย์เพื่อดูว่ามีภาวะอื่นร่วมด้วยหรือจำเป็นต้องปรับแก้ไขไหมเพิ่มเติมหรือไม่

ร้อยไหมแล้วเป็นก้อน ต้องทำยังไง

  • หลีกเลี่ยงการกด นวด หรือคลึงบริเวณก้อน เพราะอาจทำให้ไหมเคลื่อนตัวหรือทำให้เกิดการอักเสบมากขึ้น
  • ประคบเย็นในช่วง 3 วันแรก เพื่อช่วยลดอาการบวม และลดการระคายเคือง
  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก 3–7 วันแรก เพื่อไม่ให้เกิดแรงกระแทกหรือความร้อนสะสมที่อาจกระตุ้นการอักเสบ

หากก้อนไม่ยุบลงภายใน 1–2 สัปดาห์ หรือยังมีอาการปวด บวม แดง ร้อน หรือก้อนแข็งผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์ที่ทำหัตถการเพื่อตรวจประเมินอย่างละเอียด เพราะอาจมีภาวะแทรกซ้อน เช่น พังผืด (fibrosis) หรือ การติดเชื้อ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม

ร้อยไหมแล้วเจ็บมากผิดปกติไหม

โดยปกติหลังร้อยไหมอาจมีอาการเจ็บตึงเล็กน้อยได้ในช่วง 2–5 วันแรก แต่ถ้ารู้สึกเจ็บมากผิดปกติ หรือเจ็บนานกว่า 1 สัปดาห์ อาจเป็นสัญญาณว่ามีความผิดปกติบางอย่าง เช่น

  • เกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อ
  • ไหมดึงรั้งผิวหน้ามากเกินไป
  • ไหมวางในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม
  • เกิดภาวะติดเชื้อ (มักมีอาการร่วม เช่น บวม แดง ร้อน หรือมีไข้)

หากอาการเจ็บรุนแรงจนกระทบการใช้ชีวิตประจำวัน หรืออาการเจ็บไม่ดีขึ้นตามเวลา ควรเข้ารับการประเมินจากแพทย์ทันที เพื่อหาสาเหตุและรับการดูแลที่เหมาะสม

การร้อยไหมแล้วเป็นรอยนูน เกิดจากการใช้เทคนิคที่ไม่ถูกต้อง คล้ายกับการทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ หากแพทย์เลือกชนิดไหม ไม่เหมาะกับตำแหน่งผิวหน้า วางไหมผิดชั้นผิว หรือใช้ไหมชนิดไม่ละลาย ไม่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาประเทศไทย จะก่อให้เกิดรอยนูน และปัญหาหลังการร้อยไหมที่เป็นอันตรายได้ ด้วยเหตุนี้ เทคนิคการร้อยไหม และความชำนาญการของแพทย์ถือเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากแพทย์ที่มีประสบการณ์และเข้าใจกายวิภาคของใบหน้าจะสามารถวางไหมได้อย่างแม่นยำ ช่วยลดโอกาสการเกิดรอยนูนหรือผลข้างเคียงที่อาจเป็นอันตรายได้

เลือกคลินิกร้อยไหม ที่ไหนดี

การเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและแพทย์ที่มีความชำนาญ เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง รวมถึงปัญหา “ร้อยไหมแล้วเป็นรอยนูน” ดังนั้น ก่อนตัดสินใจร้อยไหม ควรศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับชนิดไหม เทคนิคที่ใช้ และความน่าเชื่อถือของคลินิกให้รอบด้าน

ปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาก่อนร้อยไหม ได้แก่

  1. คลินิกมีมาตรฐาน และมีเลขอนุญาต 11 หลักจากกระทรวงสาธารณสุข ต้องมีเลขที่ใบอนุญาตติดไว้หน้าร้าน พร้อมชื่อคลินิกและสาขาชัดเจน
  2. มาตรฐานด้านความสะอาด ทั้งพื้นที่ให้บริการและอุปกรณ์ทางการแพทย์ต้องสะอาด ผ่านการฆ่าเชื้ออย่างถูกต้อง เพื่อลดโอกาสเกิดการติดเชื้อ
  3. ทำโดยแพทย์ผู้ชำนาญการด้านร้อยไหม แพทย์ที่มีประสบการณ์จะเข้าใจกายวิภาคใบหน้า วางไหมได้แม่นยำ เลือกชนิดไหมเหมาะสม ใช้แรงดึงพอดี และฝังปลายไหมให้เรียบร้อย
  4. ใช้ไหมละลายที่มีมาตรฐาน ได้รับการรับรองจาก อย. ไทย ไหมละลายที่ได้มาตรฐานจะสลายเองตามเวลา ไม่ตกค้างในร่างกาย ลดโอกาสเกิดปฏิกิริยาสิ่งแปลกปลอมและการเกิดพังผืด
  5. รีวิวจากผู้เข้ารับบริการจริง ช่วยเพิ่มความมั่นใจในฝีมือแพทย์ และความน่าเชื่อถือของคลินิก
  6. มีขั้นตอนประเมินและให้คำปรึกษาที่ละเอียด แพทย์ควรประเมินโครงหน้า วิเคราะห์ปัญหา และให้ข้อมูลอย่างครบถ้วนก่อนทำหัตถการ
  7. การดูแลหลังทำและติดตามผลอย่างต่อเนื่อง มีผู้ชำนาญการคอยให้คำแนะนำหลังทำอย่างเหมาะสม พร้อมติดตามอาการ ช่วยลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงและเพิ่มประสิทธิภาพของผลลัพธ์

บอกลาปัญหาหย่อนคล้อย คืนความอ่อนเยาว์ ที่ เดอ ควีนส์

คุณหมอโบว์เข้าร่วมงานเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ ไหม K2 Plus เพื่อยกระดับการร้อยไหมให้เป๊ะ พร้อมฟื้นฟูผิวจากภายใน

คุณหมอโบว์เข้าร่วมงานเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ ไหม K2 Plus เพื่อยกระดับการร้อยไหมให้เป๊ะ พร้อมฟื้นฟูผิวจากภายใน

เดอ ควีนส์ คลินิก ให้บริการ ร้อยไหมแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็น

  • Mini Face Lift ยกกระชับหน้าให้เป๊ะ คืนความอ่อนเยาว์
  • Foxy Eyes ยกหางตาตกให้เฉี่ยวคมขึ้น
  • Nose Lift เสริมปลายจมูกให้พุ่ง สโลปมีมิติมากขึ้น

ทุกหัตถการดูแลโดย คุณหมอโบว์ แพทย์ผู้ชำนาญด้านการร้อยไหมมากกว่า 10 ปี ใช้ไหมละลายมาตรฐาน ผ่านการรับรองจาก อย. ประเทศไทย ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น นอร์เวย์ สวีเดน ออสเตรเลีย อังกฤษ เดนมาร์ก ญี่ปุ่น เยอรมนี รวมถึงลูกค้าจากหลายจังหวัด เช่น ชัยนาท ปราจีนบุรี สุพรรณบุรี และกรุงเทพฯ

สำหรับใครที่มีปัญหา ผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอยก่อนวัย หรือขาดความมั่นใจ สามารถส่งภาพให้แพทย์ประเมินเบื้องต้น หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ฟรีที่ @dequeensclinic หรือ Walk-in เข้ารับบริการได้ทั้ง 2 สาขา ได้แก่ สาขาชลบุรี และสาขาเพชรบุรี