
หลายคนที่เริ่มมีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย แก้มตก กรอบหน้าไม่ชัด มักมีคำถามยอดฮิตว่า “ควรทำ Hifu หรือทำร้อยไหมดี” เพราะทั้งสองวิธีต่างช่วยยกกระชับใบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัดเหมือนกัน แต่จริง ๆ แล้วหลักการทำงาน ผลลัพธ์ และความเหมาะสมของแต่ละคนไม่เหมือนกันเลย จึงควรทำความเข้าใจให้ดี ก่อนจะเลือกทำหัตถการใดหัตถการหนึ่ง
ทำความเข้าใจ HIFU และการร้อยไหม ก่อนตัดสินใจเลือกการยกกระชับที่เหมาะกับผิวของคุณ
ในปัจจุบัน HIFU และการร้อยไหมเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมอย่างมากในการฟื้นฟูผิวหน้า เพราะทั้งสองวิธีช่วยให้ผิวดูกระชับขึ้นและคืนความอ่อนเยาว์ได้อย่างไม่ต้องผ่าตัด หลายคนจึงมักตั้งคำถามว่า ควรเลือกทำแบบไหนจึงจะตอบโจทย์ปัญหาของตัวเองได้ดีที่สุด ก่อนตัดสินใจรับการรักษา การทำความเข้าใจหลักการทำงานและความเหมาะสมของแต่ละวิธีถือเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับสภาพผิวและความคาดหวังของคนไข้มากที่สุด
Hifu คืออะไร ช่วยยกกระชับได้อย่างไร
Hifu หรือ High Intensity Focused Ultrasound เป็นเครื่องมือที่ใช้พลังงานคลื่นอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูง ยิงพลังงานลงสู่ผิวชั้นลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่ศัลยแพทย์ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า พลังงานความร้อนที่ส่งลงลึกจะกระตุ้นให้ผิวหดตัวและสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวค่อยๆ แน่นขึ้น ยกกระชับขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
ข้อดีของ Hifu คือไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น คนที่กลัวเข็มหรือไม่ชอบการเจ็บสามารถทำได้สบาย หลังทำสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ และจะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงได้หลังทำ ส่วนผลลัพธ์เต็มๆ จะค่อยๆ เผยในช่วง 1-2 เดือนหลังทำ เหมาะมากสำหรับผู้ที่เริ่มมีปัญหาผิวหย่อนเล็กน้อยหรืออยู่ในช่วงอายุ 25–35 ปี ที่ต้องการชะลอความหย่อนคล้อยไว้ตั้งแต่ต้น
ร้อยไหมคืออะไร ทำไมยกได้เร็วกว่า
ร้อยไหมเป็นหัตถการที่ใช้เส้นไหมละลายสอดเข้าใต้ผิว โดยเส้นไหมที่นิยมในปัจจุบันเป็นไหมที่มีเงี่ยง สามารถเกี่ยวดึงผิวที่หย่อนคล้อยขึ้นไปตามทิศทางที่แพทย์วางไหม หลังทำเสร็จจะเห็นผลการยกกระชับได้ค่อนข้างชัดเจน เหมาะกับผู้ที่ต้องการเห็นผลไว หรือมีอายุ 35 ปีขึ้นไปที่เริ่มมีการหย่อนค่อนข้างมาก
เส้นไหมยังช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใหม่ตลอดช่วงที่ยังคงอยู่ในผิว ทำให้ใบหน้ามีความกระชับและเต่งตึงต่อเนื่อง ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้นอยู่กับชนิดไหมและสภาพผิว บางคนอยู่ได้นานถึง 6–12 เดือนเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม ร้อยไหมเป็นหัตถการที่ต้องอาศัยความชำนาญสูงของแพทย์ หากร้อยผิดชั้นผิว อาจเกิดรอยบุ๋ม เส้นไหมทะลุ หรือเสี่ยงติดเชื้อได้ จึงควรเลือกทำกับแพทย์ที่มีประสบการณ์โดยตรงเท่านั้น
Hifu กับ ร้อยไหม ต่างกันอย่างไร
แม้ทั้งสองวิธีจะช่วยยกกระชับเหมือนกัน แต่จริง ๆ แล้วการทำงานต่างกันคนละแบบ Hifu ใช้พลังงานลงไปในผิวชั้นลึกเพื่อ “กระตุ้น” ให้ผิวค่อยๆ ยกตัวขึ้นตามธรรมชาติ ส่วนร้อยไหมเป็นการใช้เส้นไหมช่วย “ดึง” ผิวขึ้นในตำแหน่งที่มีการหย่อนมากกว่า
ดังนั้น Hifu จะเหมาะกับผู้ที่มีความหย่อนเล็กน้อยถึงปานกลาง ต้องการปรับรูปหน้า และกระชับผิวโดยรวม ส่วนร้อยไหมเหมาะสำหรับผู้ที่หย่อนชัดเจน แก้มห้อย กรอบหน้าไม่ชัด หรืออยากให้ผลลัพธ์ออกมาค่อนข้างเร็ว
แล้วแบบไหนยกกระชับได้ดีกว่ากัน
คำตอบคือ ไม่มีวิธีไหนดีกว่าแบบตายตัว แต่ขึ้นอยู่กับระดับปัญหาและความต้องการของแต่ละคน ถ้าต้องการยกกระชับแบบธรรมชาติ ไม่อยากเจ็บมาก ไม่ชอบเข็ม Hifu จะตอบโจทย์กว่า
ถ้าผิวหย่อนคล้อยมาก ต้องการเห็นผลไว กรอบหน้าไม่ชัด แก้มตกเยอะ ร้อยไหม จะยกและดึงได้ชัดเจนกว่า ถ้าอยากได้ผลลัพธ์ที่ครบถ้วน หลายเคสแพทย์อาจแนะนำให้ทำ ทั้ง Hifu และร้อยไหมร่วมกัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ยกกระชับแบบเต็มประสิทธิภาพ โดยแต่ละอย่างช่วยเสริมกัน
ต้องพิจารณาอะไร ก่อนเลือกทำ Hifu หรือร้อยไหม
ปัญหาผิวของแต่ละคนไม่เหมือนกัน การเลือกทำจึงควรถูกประเมินโดยแพทย์ตามโครงสร้างหน้า ระดับความหย่อน และงบประมาณ ตัวอย่างเช่น
- ผู้ที่อายุยังไม่มาก มีความหย่อนคล้อยน้อย → มักเหมาะกับ Hifu
- ผู้ที่อายุ 35+ และเริ่มมีแก้มห้อยมาก → ร้อยไหมช่วยยกได้ดีกว่า
- ผู้ที่เคยร้อยไหมมาแล้ว และต้องการคงสภาพผิวยาวๆ → ทำ Hifu เสริมได้
- ผู้ที่อยากยกแบบเห็นผลชัดไว แต่ผิวบางจุดยังต้องการความแน่นของผิว → ทำทั้งสองอย่างตามตำแหน่งจะยิ่งเห็นผลสวย
ผลข้างเคียงที่ควรรู้
ทั้ง Hifu และร้อยไหมถือว่าปลอดภัยหากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่หากทำกับสถานที่ที่ไม่มีมาตรฐานก็อาจเกิดผลข้างเคียงได้ เช่น หน้าไหม้จาก Hifu การยิงพลังงานโดนเส้นประสาท หรือร้อยไหมแล้วเส้นไหมทะลุ ติดเชื้อ หรือเกิดพังผืด เพราะใช้ไหมคุณภาพต่ำ
ดังนั้นการเลือกคลินิกจึงสำคัญมาก ต้องดูทั้งใบอนุญาต อุปกรณ์ที่ใช้ ความสะอาด และประสบการณ์แพทย์เสมอ
โปรแกรม Ultra 4D Lift ยกกระชับลงลึกถึงชั้น SMAS โดยไม่ต้องผ่าตัด
Ultra 4D Lift หรือชื่อเต็มว่า High Intensity Focused Ultrasound (HIFU) เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในคลินิกความงาม เนื่องจากสามารถ “ยกกระชับผิวได้ลึกถึงชั้น SMAS” ซึ่งเป็นชั้นผิวเดียวกับที่ศัลยแพทย์ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า แต่ไม่ต้องใช้มีดหรือเข็ม
พลังงานอัลตราซาวด์จะถูกส่งลงไปยังใต้ผิวในระดับความลึกที่กำหนดไว้อย่างแม่นยำ ทำให้เกิดการหดตัวของเนื้อเยื่อ ส่งผลให้ผิวบริเวณนั้นยกกระชับขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่
จุดเด่นของ Ultra 4D Lift
- ยกกระชับผิวบริเวณแก้ม เหนียง และลำคอได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ช่วยเก็บกรอบหน้าให้ชัดขึ้น ลดความหย่อนคล้อยรอบกราม
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวเรียบเนียนและเต่งตึง
- ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น หลังทำสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ
- เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงหลังทำ และจะเห็นผลชัดเจนขึ้นภายใน 2–3 เดือน
Ultra 4D Lift เหมาะกับใคร
เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มมีปัญหาความหย่อนคล้อยบริเวณแก้ม เหนียง และลำคอ หรือผู้ที่อยากให้กรอบหน้าชัดขึ้นแต่ไม่อยากทำหัตถการที่มีเข็ม เหมาะกับช่วงวัย 25 ปีขึ้นไปที่เริ่มสังเกตเห็นว่าผิวไม่กระชับเหมือนเดิม
โปรแกรมร้อยไหม Mini FaceLift ตัวช่วยยกกระชับที่คนทำซ้ำมากในคลินิก
สำหรับใครที่มีโครงสร้างใบหน้าเริ่มตก กรอบหน้าไม่ชัด หรือรู้สึกว่าดูโทรมไม่สดใส “โปรแกรมร้อยไหม Mini FaceLift” เป็นหัตถการที่ออกแบบมาเพื่อยกกระชับให้ใบหน้าเรียวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
Mini FaceLift ต่างจากการร้อยไหมทั่วไปตรงที่
- ยกกระชับผิวและเห็นการเปลี่ยนแปลงได้หลังทำ
- สามารถยกเฉพาะจุดได้ เช่น แก้มล่าง คิ้วตก หรือมุมปากตก
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวแน่นและเต่งตึงยาวนาน
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยระดับปานกลางถึงมาก
- ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 1–2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและชนิดของไหม
Mini Face Lift เหมาะกับใคร
เหมาะกับผู้ที่มีเนื้อแก้มตก แก้มห้อย เหนียงชัด หรือใบหน้าไม่เท่ากัน ต้องการเห็นผลการยกกระชับโดยไม่ต้องผ่าตัดและพักฟื้นนาน ทั้งนี้การร้อยไหมควรทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพราะเทคนิคในการร้อยและทิศทางของไหมมีผลต่อผลลัพธ์อย่างมาก
หลังทำจะเห็นการยกขึ้น โดยผลลัพธ์จะค่อยๆ สวยขึ้นในช่วง 3–4 สัปดาห์เมื่อคอลลาเจนเริ่มฟื้นตัว เหมาะอย่างมากสำหรับผู้ที่อยากยกใบหน้าขึ้นแบบไม่ต้องผ่าตัด และดูเด็กลงแบบกำลังดี
Hifu หรือร้อยไหม แบบไหนเหมาะกับคุณที่สุด
ทั้งสองวิธีช่วยยกกระชับใบหน้าได้ดี แต่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงจุดที่สุด แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ประเมินปัญหาจริงบนใบหน้า โดยดูทั้งระดับความหย่อนคล้อย ความคาดหวังของผลลัพธ์ และงบประมาณร่วมกัน บางเคสเหมาะกับ Hifu บางเคสเหมาะกับร้อยไหม และบางเคสทำร่วมกันจะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
การยกกระชับใบหน้าไม่ใช่สูตรสำเร็จ แต่เป็นการออกแบบตามปัญหาเฉพาะของแต่ละคน หากประเมินและเลือกวิธีถูกต้อง ก็จะได้ผลลัพธ์สวยงาม และดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ
การดูแลตัวเองหลังทำหัตถการ
หลังทำทั้งสองโปรแกรมนี้ การดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีจะช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น เช่น
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์
- หลีกเลี่ยงการนวดหน้าแรงๆ ภายใน 2 สัปดาห์แรก
- ทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการทำลายคอลลาเจนจากแสงแดด
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
ยกกระชับใบหน้าอย่างมั่นใจ ต้องอยู่ในมือแพทย์ชำนาญการ
ไม่ว่าจะเลือกทำโปรแกรมใด สิ่งสำคัญที่สุดคือ “ความปลอดภัยและประสบการณ์ของแพทย์ผู้ทำ” เนื่องจากการยกกระชับผิวต้องอาศัยความเข้าใจเรื่องโครงสร้างชั้นผิวและกล้ามเนื้อบนใบหน้าเป็นอย่างดี เพื่อให้พลังงานหรือทิศทางของไหมถูกต้องและได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
ที่ เดอควีนส์ คลินิก เราให้บริการโดยแพทย์ผู้ชำนาญการด้านการปรับรูปหน้าและการยกกระชับผิวโดยเฉพาะ พร้อมประสบการณ์กว่า 10 ปี โดยใช้เครื่องมือและวัสดุที่ผ่านมาตรฐาน อย. ทุกขั้นตอน เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าผลลัพธ์ที่ได้จะปลอดภัยและสวยอย่างเป็นธรรมชาติ
หากคุณกำลังมองหาวิธี “ลดเหนียง ยกกระชับ และเก็บกรอบหน้าให้ชัดขึ้น” สามารถเข้ามาปรึกษาคุณหมอได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย เดอควีนส์ คลินิก สาขาชลบุรี และสาขาเพชรบุรี