ฝ้า กระ แตกต่างกันยังไง รักษาฝ้าด้วยวิธีไหนได้บ้าง?

ฝ้า กระ แตกต่างกันยังไง รักษาฝ้าด้วยวิธีไหนได้บ้าง

ฝ้า กระ แตกต่างกันยังไง รักษาฝ้าด้วยวิธีไหนได้บ้าง?

ฝ้า กระ อีกหนึ่งปัญหาผิวที่ทำให้สูญเสียความมั่นใจ เพราะเมื่อปรากฎบนใบหน้าแล้ว นอกจากจะทำให้ผิวหน้าดูหมองคล้ำ ไม่สดใส ผิวไม่มีออร่า และดูแก่กว่าวัย ยังทำให้การแต่งหน้าเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากจำเป็นต้องโบกรองพื้นหนาๆ เพื่อปกปิดรอยฝ้า กระ ไม่สามารถออกจากบ้านหน้าสด หรือแต่งเบาๆ แบบ natural look ได้ ถึงแม้ว่าฝ้า กระ จะดูคล้ายกัน แต่สาเหตุและลักษณะของปัญหาจะแตกต่างกันอย่างชัดเจน บทความนี้ จึงจะพาไปทำความรู้จักระหว่าง ฝ้า VS กระ แตกต่างกันอย่างไร? หากเป็นฝ้า กระ รักษาด้วยวิธีไหนได้บ้าง? อ่านต่อได้ที่นี่เลยค่ะ

ปัญหาฝ้า กระ เกิดจากอะไร?

ฝ้า กระ เกิดจากการทำงานผิดปกติของลักษณะผิวหนัง ในการสร้างเม็ดสีเมลานิน (Melanin) โดยสาเหตุหลักมักเกิดจากแสงแดด เพราะเมื่อเวลาที่เราโดนแสงแดด หรือรังสี UV เม็ดสีเมลานิน จะทำงานเพื่อกรองรังสียูวีที่มากระทบผิว ไม่ให้เกิดความเสียหายต่างๆ ตามมา ด้วยเหตุนี้ เมื่อเราโดนแสงแดดมากเกินไป จะเป็นตัวการไปกระตุ้นเม็ดสีเมลานินใต้ผิวหนัง ให้เมลานินนั้นถูกผลิตออกมาจำนวนมากขึ้น เพื่อปกป้องผิวจากรังสี UV โดยเฉพาะรังสี UVA ตัวการสำคัญที่มักทำให้เกิดฝ้า กระ เนื่องจากจะมีช่วงคลื่นที่ยาวกว่ารังสี UVB ซึ่งสามารถทำลายผิวได้ลงลึกกว่าด้วยเช่นกัน จึงทำให้ร่างกายต้องผลิดเม็ดสีเมลานินออกมาจำนวนมาก เพื่อดูดซับรังสียูวี ส่งผลให้ผิวบริเวณนั้นมีจุดสีเข้มขึ้นบนใบหน้าได้อย่างชัดเจน จนเป็นฝ้า กระ

เมลานิน (Melanin) คือ

เป็นสารสีชนิดหนึ่งในร่างกายของมนุษย์ และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม โดยสารชนิดนี้จะเป็นตัวกำหนดสีผม และขนของสัตว์ รวมไปถึงยังส่งผลต่อสีผิวของมนุษย์ด้วยเช่นกัน สำหรับในร่างกายของมนุษย์เรานั้น เมลานินจะเป็นเม็ดสีที่สร้างจากผิวหนัง เรียกว่า เมลาโนไซต์ (Melanocyte) เป็นสารสีที่มีน้ำหนักโมเลกุลสูง ซึ่งมีลักษณะเป็นสีน้ำตาลแดง ไปจนถึงสีดำ ทั้งนี้ เมื่อมีการผลิตเมลานินออกมามากขึ้น จะส่งผลให้ผิวดูคล้ำขึ้น แต่ในทางกลับกัน เมื่อมีปริมาณเมลานินจำนวนน้อยลง ก็ส่งผลให้สีผิวดูสว่างขึ้นนั่นเอง

สาเหตุที่ทำให้เกิดฝ้า กระ บนใบหน้า มีอะไรบ้าง?

ฝ้า กระ เป็นปัญหาผิวที่เกิดจากเซลล์เม็ดสีเมลานินทำงานผิดปกติ โดยมีการผลิตเม็ดสีจำนวนมากเกินไป จนทำให้มีจุดสีเข้ม หรือแผ่นปื้นๆ ปรากฎบริเวณใบหน้า ทั้งนี้ มีสาเหตุอะไรบ้าง? ที่ทำให้เมลานินทำงานผิดปกติ ดังนี้ค่ะ

  1. การโดนแดดบ่อยๆ หรือตากแดดเป็นเวลานาน แสงแดดเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดฝ้า กระ โดยเฉพาะในผู้ที่ออกไปทำงานแล้วต้องโดนแดดอยู่บ่อยครั้ง หรือ จำเป็นต้องตากแดดเป็นเวลานาน จะมีโอกาสทำให้เป็นฝ้า กระ ค่อนข้างมาก เนื่องจากเมื่อเราโดนแสงแดด รังสี UVA และ UVB เม็ดสีเมลานิน จะทำงานเพื่อกรองรังสียูวีที่มากระทบผิว ไม่ให้เกิดความเสียหายต่างๆ ซึ่งเป็นการทำงานเพื่อปกป้องผิวจากรังสียูวี ทั้งนี้ เมื่อเราโดนแสงแดดมากเกินไป จะเป็นการไปกระตุ้นเม็ดสีเมลานินที่อยู่ใต้ผิวหนัง ให้มีการผลิตออกมาจำนวนมาก จึงส่งผลให้ผิวบริเวณนั้น มีจุดสีเข้มปรากฎมากขึ้นเรื่อยๆ ตามจำนวนเม็ดสี
     
  2. แสงสีฟ้าจากจอโทรศัพท์ และคอมพิวเตอร์  รู้หรือไม่? บางคนแม้ไม่โดนแสงแดด แต่ยังสามารถเป็นฝ้า กระได้ สาเหตุนั้นมักมาจากการทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือการจ้องมือถือเป็นเวลานานๆ ประจำ เนื่องจากแสงสีฟ้าจากหน้าจอ จะปล่อยคลื่นแสงที่เหมือนกับ รังสี UVA และ UVB ที่ทำให้ผิวเกิดฝ้า กระ ได้ไม่แพ้กับแสงแดด จึงเป็นสาเหตุเดียวกันกับการโดนแดดบ่อยๆ หรือตากแดดเป็นเวลานาน นอกจากนี้แสงสีฟ้ายังเข้าไปทำลายคอลลาเจน และอีลาสติน ในชั้นโครงสร้างผิว ทำให้เซลล์ผิวเสื่อมสภาพ ผิวหย่อนคล้อย และเข้าไปกระตุ้นเม็ดสีเมลานิน จนทำให้ผิวเป็นฝ้า กระ จุดด่างดำฝังลึก ส่งผลให้ใบหน้าหมองคล้ำ เหนื่อยล้า ดูแก่กว่าวัยด้วยค่ะ
     
  3. พันธุกรรม กรรมพันธุ์เป็นอีกสาเหตุที่สามารถทำให้เป็นฝ้า กระได้ จากการวิจัยพบว่า พ่อ แม่ ที่เป็นฝ้า กระ จะมีโอกาสที่สามารถถ่ายทอดไปยังบุตร หลาน ได้ 30 - 50% โดยพบในคนเอเชียมากกว่าคนยุโรป ทังนี้ ผู้ที่เป็นฝ้า กระ โดยกรรมพันธุ์หากทำการรักษาจนหายแล้ว จะมีโอกาสสูงมากที่สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้อีกครั้ง กล่าวโดยสรุปคืออาจไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้นั่นเอง
     
  4. ฮอร์โมน ฮอร์โมนเพศหญิง เป็นส่วนหนึ่งในการทำให้เป็นฝ้า กระ ได้ โดยทั่วไปเกิดได้จากความผิดปกติ หรือการได้รับฮอร์โมนมากกว่าปกติ ยกตัวอย่างในกรณี ผู้ที่ต้องคุมกำเนิด จะมีการฉีดยาคุม หรือว่ากินยาคุมที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) เป็นฮอร์โมนที่สามารถกระตุ้นให้เกิดฝ้า กระ ได้ หรือ ในกรณีทั่วๆ ไป ที่ร่างกายผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนมากขึ้นกว่าปกติ เช่น ผู้ที่มีภาวะตั้งครรภ์ ก็สามารถเป็นฝ้า กระ ได้ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ ฝ้า กระ ที่เกิดจากฮอร์โมน จะสามารถจางลง และหายได้ เมื่อได้รับการปรับสมดุลอย่างเหมาะสม
     
  5. การใช้เครื่องสำอางบางประเภท สำหรับเครื่องสำอางที่ทำให้เกิดฝ้า กระ ได้นั้น มักจะมาจากสารประกอบในส่วนผสม ที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง เช่น เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของน้ำหอม และแอลกอฮอล์ หรือที่พบบ่อยในอีกประเภท มักจะเป็นเครื่องสำอางที่อ้างว่าเป็นครีมหน้าใส ช่วยให้หน้าขาวเร็ว เห็นผลลัพธ์ไว อาจจะมีสารกันบูด สารปรอท และตะกั่ว ที่จะเข้าไปกระตุ้นให้เกิดฝ้า ได้ง่ายๆ เนื่องจาก ครีมเหล่านี้ เมื่อเริ่มทาบริเวณผิวหนัง มักจะเห็นผลเร็ว เช่น หน้าขาว ผิวเรียบเนียนขึ้น แต่ทว่า เมื่อมีการใช้ไปนานๆ ผิวจะเริ่มอ่อนแอ หน้าแพ้ง่าย ทำให้ผิวไวต่อแสงแดด เมื่อกระทบแสงแดดแล้ว จะทำให้เกิดฝ้า กระ ได้ง่ายกว่าปกติ อีกทั้ง เมื่อมีการหยุดใช้ ผิวหน้าจะยิ่งแย่กว่าเดิม จนเห็นเส้นเลือดฝอยชัดเจน ทำให้หน้าแดง และเริ่มมีฝ้าสะสม สำหรับในกรณีนี้ จะเป็นการรักษาที่ค่อนข้างยาก ซึ่งต่างจากฝ้าฮอร์โมน ที่มีโอกาสหายได้ เมื่อมีการปรับฮอร์โมนให้สมดุล
     
  6. การอบซาวน่า การอบซาวน่า เป็นการใช้ความร้อนสูงในการเปิดผิวหนัง เพื่อให้ความร้อนเข้าไปกระตุ้นร่างกายให้ผ่อนคลาย ซึ่งความร้อนของซาวน่า อาจส่งผลให้ผิวถูกกระตุ้น จนเกิดฝ้า กระ ได้เช่นกัน

ฝ้า VS กระ แตกต่างกันอย่างไร?

ฝ้า กระ เป็นปัญหาผิวที่หลีกเลี่ยงได้ยาก เนื่องจากในชีวิตประจำวัน เราต้องพบเจอกับแสงแดด และแสงสีฟ้าจากหน้าจออยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นนั่งดูทีวี เล่นโทรศัพท์มือถือ ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ รวมไปถึงหลอดไฟบางประเภทที่สามารถปล่อยรังสี UV ที่ไม่ต่างจากโดนแสงแดด หรือแสงสีฟ้า ด้วยเหตุนี้ การรู้จักกับประเภทและลักษณะของฝ้า กระ จะช่วยให้เราสามารถรักษาตัวเองได้อย่างถูกวิธี และเชื่อว่าหลายคนอาจแยกไม่ถูกว่าแท้จริงแล้วตัวเองนั้น มีปัญหาเป็นฝ้า หรือเป็นกระกันแน่ ทั้งนี้ จึงได้ทำการเปรียบเทียบชนิดของฝ้า กับ ชนิดของกระ ให้เข้าใจง่ายๆ ค่ะ

ฝ้า (Melasma) จะมีลักษณะเป็นแผ่นปื้นๆ มีสีอ่อนถึงสีเข้มมาก โดยเป็นสีน้ำตาล หรือเทาเข้ม ขึ้นอยู่กับว่าเกิดบริเวณไหนของชั้นผิวหนัง และมีลักษณะตื้นลึกเพียงใด ส่วนใหญ่มักพบในบริเวณโหนกแก้ม เนื่องจากโดนแดดมากที่สุด มักเห็นชัดในผู้ที่มีผิวขาว ทั้งนี้ ฝ้าจะมีอยู่ 4 ประเภท ได้แก่

  • ฝ้าแดด เป็นปัญหาฝ้าที่สามารถเกิดขึ้นได้ง่ายที่สุดเมื่อเทียบกับกลุ่มประเภทอื่นๆ เนื่องจากในชีวิตประวันเราต้องเจอกับแสงแดด และแสงสีฟ้าจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์ อยู่บ่อยครั้ง อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยลักษณะฝ้าแดด จะเป็นรอยคล้ำสีน้ำตาล แดง เทา ขึ้นอยู่กับระดับความเสียหายของผิว เมื่อไม่ได้รับการรักษา หรือไม่ป้องกันตัวเองโดยทาครีมกันแดด สีของฝ้าแดดอาจจะเข้มขึ้นเรื่อยๆ
  • ฝ้าลึก เกิดจากเมลานินสร้างเม็ดสีบริเวณชั้นหนังแท้มากจนผิดปกติ มักจะมีสีน้ำตาลอ่อน สีเทา และมักกลืนไปกับผิวหน้าของเรา โดยฝ้าชนิดนี้จะรักษาได้ยากกว่าฝ้าชนิดอื่น เพราะไม่สามารถทาครีมแล้วรักษาหายได้ แต่ต้องพบแพทย์เพื่อดูแลรักษาอย่างต่อเนื่องนั่นเอง
  • ฝ้าตื้น เกิดจากเมลานินสร้างเม็ดสีบริเวณผิวหนังชั้นนอกมากจนผิดปกติ มักเป็นสีน้ำตาลเข้ม หรือดำ มีลักษณะเป็นแผ่นปื้นๆ อย่างชัดเจน
  • ฝ้าเลือด เกิดจากความผิดปกติของเส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนัง ที่ทำให้เส้นเลือดฝอยแตก และกระจุกบริเวณใต้ผิวหนัง โดยมีลักษณะเป็นสีแดงปนน้ำตาล หรือมีลักษณะคล้ายเส้นเลือด นอกจากนี้ ฝ้าเลือดยังสามารถเกิดได้จากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การรับประทานยา และการโดนแสงแดดมากเกินไป

กระ (Freckle) ส่วนใหญ่พบเป็นลักษณะจุดเล็กๆ สีน้ำตาลอ่อน ที่มีการกระจายตัวอยู่ตามบริเวณผิวหน้า และผิวกาย เกิดจากการที่เซลล์สร้างเม็ดสี หรือเมลานินทำงานผิดปกติ เลยทำให้มีการสร้างเม็ดสีเมลานินออกมาจำนวนมากเกินไป จนเกิดเป็นจุด หรือรอยสีน้ำตาลที่กระจายทั่วบริเวณผิว ทั้งนี้ ปัญหากระ ส่วนใหญ่มักพบกันตั้งแต่เด็ก หรืออายุยังน้อย โดยในช่วงแรก พบว่ากระ จะมีลักษณะจางๆ ซึ่งเราอาจคิดว่าเมื่อโตขึ้น ริ้วรอยดังกล่าวจะเลือนหายไปเอง แต่ความเป็นจริงแล้ว ปัญหากระนั้นจะมีสีเข้ม และชัดเจนขึ้นกว่าเดิมได้ โดยกระ จะแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้

  • กระแดด จะมีลักษณะเป็นจุด หรือแผ่นปื้นเรียบๆ ขนาดเล็ก ขอบชัด มีสีดำ หรือสีน้ำตาล มักเกิดขึ้นบริเวณที่โดนแดดบ่อยๆ เช่น ใบหน้า แขนขา เป็นต้น โดยส่วนใหญ่จะเกิดในผู้ที่มีผิวขาว และอายุมาก
  • กระตื้น มีลักษณะเป็นจุดสีน้ำตาลเล็กๆ เกิดจากเซลล์เม็ดสีทำงานผิดปกติมาตั้งแต่เกิด ทำให้เซลล์เม็ดสีมีความไวต่อแสงแดดมากกว่าปกติ ส่งผลให้มีกระ ตั้งแต่เยาว์วัย ยิ่งไปกว่านั้น หากไม่ได้รับการดูแล ปล่อยให้ใบหน้าโดนแดดจัดบ่อยๆ กระจะยิ่งเข้มขึ้น ใหญ่ขึ้น และเพิ่มจำนวนมากขึ้นกว่าเดิม
  • กระลึก เกิดจากความผิดปกติของเซลล์เม็ดสีในบริเวณชั้นหนังแท้ จะมีลักษณะเป็นจุดเล็กๆ หรือแผ่นปื้นสีน้ำตาล เทา ดำ ขอบไม่ชัด ซึ่งมีลักษณะคล้ายฝ้า ส่วนใหญ่จะขึ้นบริเวณโหนกแก้ม สันจมูก ขมับทั้ง 2 ข้าง เป็นกระที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนังลึก จึงเรียกว่ากระลึก โดยกระชนิดนี้ จะทำการรักษาได้ยาก อาจต้องใช้เลเซอร์เข้ามาช่วยในการรักษา
  • กระเนื้อ มักเกิดจากพันธุกรรม โดยกระชนิดนี้จะเกิดจากผิวหนังชั้นกำพร้า มีการเจริญเติบโตมากจนผิดปกติ มีลักษณะเป็นตุ่มเล็กๆ นูนออกมาจากผิวหนัง มักมีสีน้ำตาลอ่อน ไปจนถึงสีดำ เกิดขึ้นบริเวณลำคอ ใบหน้า หน้าอก และหลัง โดยอาจขึ้นเป็นตุ่มเนื้อเล็กๆ แล้วค่อยขยายใหญ่ นูน และมีสีเข้มขึ้นกว่าเดิม เมื่อถูกกระตุ้นจากแสงแดด และมีอายุมาก ทั้งนี้ สามารถรักษาโดยการเลเซอร์ออกได้ และมีโอกาสน้อยในการเกิดรอยแผลเป็น

กราฟิก : เทียบชัด ฝ้า VS กระ แตกต่างกันอย่างไร?

รักษาฝ้า กระ ด้วยวิธีไหนได้บ้าง?

Pico Laser

 เป็นเครื่องเลเซอร์ ที่ใช้เทคโนโลยี Picosecond มีความสามารถในการปล่อยพลังงานช่วงเวลาสั้นๆ ได้ดีมาก เนื่องจากมีความเร็วสูงสุดที่ระดับ 1 ต่อล้านล้านวินาที โดยจะนำมาใช้เพื่อทำการรักษา ดูแลผิวพรรณโดยเฉพาะ ทำให้มีความแม่นยำสูง สามารถรักษาผิวหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น รอยดำ รอยแดง ฝ้า กระ จุดด่างดำต่างๆ รวมไปถึงยังช่วยกระชับรูขุมขน คืนผิวเรียบเนียน

 สำหรับการทำงานของ Pico Laser คือจะเข้าไปทำลายให้เม็ดสีใต้ชั้นผิวเกิดการแตกตัว โดยไม่กระทบเนื้อเยื่อที่ปกติ ช่วยลดโอกาสที่เกิดความความร้อนสะสมในผิว จึงมีผลข้างเคียงน้อย ลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะรอยดำ รอยด่างขาว แผลเป็น และแผลตกสะเก็ดต่างๆ นอกจากนี้ Pico Laser ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ส่งผลให้ผิวหน้ากระจ่างใส ริ้วรอยลดเลือนลง รูขุมขนกระชับ ใบหน้าเรียบเนียนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

Melasma Clear

 บอกลา ฝ้า กระ ใน 5 ขั้นตอน ด้วยโปรแกรมรักษา ฝ้า กระ จุดด่างดำ ที่ผสมผสานการรักษา 3 อย่าง เข้าด้วยกัน นั่นก็คือ เมโสเทอราปี (Mesotherapy) ลำแสงเลเซอร์ และการทำทรีตเมนต์ผลักวิตามิน พร้อมยาเข้าผิวด้วยความเย็น ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่มีเฉพาะจาก De Queens Clinic เพื่อให้การรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำได้อย่างตรงจุด สามารถรักษาฝ้าได้อย่างล้ำลึก และมีประสิทธิภาพ โดยเมโสเทอราปีจะช่วยลดเม็ดสีของฝ้าชั้นลึก เลเซอร์จะช่วยกำจัดเม็ดสีที่ทำงานผิดปกติหรือมีมากเกินไป ทำให้จุดด่างดำ รวมถึงริ้วรอยลดลง ส่วนการผลักวิตามินด้วยความเย็นนั้น จะช่วยปรนนิบัติผิวให้ผ่อนคลาย คืนความชุ่มชื้นให้ผิวหน้า เมื่อรักษาฝ้าด้วยโปรแกรม Melasma Clear จะทำให้ฝ้า กระ ดูจางลงอย่างรวดเร็ว เห็นผลได้ชัด ผิวเรียบเนียน กระจ่างใสขึ้น และมีสีผิวที่สม่ำเสมอ

Glow Skin

 Glow Skin หรืออีกชื่อเรียกว่า Fusion Mesotherapy เป็นเมโสชนิดหนึ่งที่มีสรรพคุณในการรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ ได้ด้วยเช่นกัน ถูกผลิตและนำเข้าจากประเทศสเปน มีคุณภาพ และได้รับการยอมรับในระดับสากล มีส่วนผสมของวิตามิน และสารสกัดที่เป็นประโยชน์หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น กลูต้าไธโอน วิตามินซี วิตามินเอบริสุทธิ์ วิตามินบี 3 และกรดอมิโนหลากหลายชนิด ซึ่งสิ่งดังกล่าวสามารถแก้ปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ ริ้วรอย และความหมองคล้ำได้ นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมผิวอย่างล้ำลึก ช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใส ฉ่ำวาว ดูสุขภาพดี เป็นหัตถการที่ให้ผลลัพธ์ได้ดีกว่าการทาครีมบำรุงผิว เนื่องจากการรักษาฝ้า กระ ด้วยเมโส Glow skin หรือ Fusion เป็นวิธีการรักษาโดยฉีดยาเข้าสู่ผิวโดยตรง ทำให้สามารถรักษาได้อย่างล้ำลึก และมีประสิทธิภาพ เพราะสามารถฟื้นฟูผิวได้จากใต้ชั้นผิว จึงนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เปลี่ยนแปลงให้เห็นสู่ภายนอกอย่างชัดเจน

รักษาฝ้า กระ ที่ไหนดี?

เลือกไม่ถูก ไม่มั่นใจว่าจะไปคลินิกไหน ให้เดอควีนส์ คลินิก ช่วยดูแลได้เลยค่ะ เพราะที่นี่เรามีบริการด้านความงามแบบครบวงจร อีกทั้ง ยังให้ความสำคัญในเรื่องการดูแลอย่างใกล้ชิด โดยทีมแพทย์ที่มากประสบการณ์ พร้อมใส่ใจ ให้คำปรึกษาในทุกปัญหาของคนไข้ และเพื่อให้คุณได้สวยอย่างมั่นใจ มีความปลอดภัย เราจึงได้มีการเทรนนิ่งให้กับทีมแพทย์ อัปเดตความรู้ และศึกษาค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลา เพื่อทันต่อสิ่งใหม่ สามารถตอบโจทย์ต่อความต้องการของคนไข้มากที่สุดด้วยเช่นกัน

ไม่ต้องรอให้ฝ้าลึก หรือเป็นกระ จนผิวเสีย และขาดความมั่นใจ จัดการตั้งแต่ตอนนี้ ด้วยโปรแกรมดูแลผิวที่หลากหลาย ทั้งนี้ แพทย์จะเป็นผู้ประเมินปัญหาผิว เพื่อออกแบบวิธีการรักษาได้อย่างตรงจุด ตอบโจทย์ และให้ประสิทธิภาพมากที่สุด สำหรับใครที่สนใจ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม และส่งภาพให้แพทย์ประเมินเบื้องต้น ได้ที่ Line: @dequeensclinic หมอตอบเอง หรือสามารถเข้ารับบริการ Walk in คลินิกความงามใกล้บ้านได้ทั้ง 2 สาขา ได้แก่ คลินิกความงามชลบุรี และคลินิกความงามเพชรบุรี …เพราะทุกปัญหาของคนไข้ เราใส่ใจ พร้อมจัดการให้หมดไป และคืนความมั่นใจได้อีกครั้ง