ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ดังนี้
- หลังฉีด ทันที ไม่ควรจับ ลูบคลำ หรือนวดบริเวณที่ฉีด เพราะอาจมีผลต่อการกระจายตัวของตัวยา
- ภายใน 4 ชั่วโมง หลังฉีดใหม่ๆ ยังไม่ควรไปนอนราบ หรือนอนตะแคง เพราะในช่วง 4 ชั่วโมงแรก เป็นช่วงการซึมของยาเข้ากล้ามเนื้อ ถ้านอนตะแคงจะทำให้การกระจายตัวของยาผิดจากตำแหน่งที่แพทย์คาดการณ์ไว้ได้ เมื่อเลย 4 ชั่วโมงไปแล้ว สามารถนอน หรือตะแคงได้ตามปกติ
- ภายใน 4 ชั่วโมงแรก หลังฉีดโบท๊อกซ์ มีความสำคัญมากๆ ต้องบริหารกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดบ่อยๆ เพื่อให้ตัวยาซึมเข้าสู่กล้ามเนื้อที่ต้องการให้ออกฤทธิ์มากที่สุด เช่น ฉีดหางตา ควรยิ้มบ่อยๆ ฉีดหน้าผากควรยักคิ้วบ่อยๆ หรือฉีดกรามควรเคี้ยวหมากฝรั่ง 15-30 นาที หรือ 4 ชั่วโมง ตามดุลยพินิจแพทย์
- ภายใน 2 สัปดาห์แรก ควรงดการเข้าอบไอน้ำ อบซาวน่า ยิงเลเซอร์ ทำ RF หรือ Ionto ที่หน้า เพราะความร้อนเฉพาะจุดเป็นเวลานานอาจส่งผลต่อโบท๊อกซ์ได้ใน 2 สัปดาห์แรกความร้อนที่สามารถโดนได้คือ ไดร์เป่าผม อาบน้ำอุ่น (งดบริเวณที่ฉีด โบท๊อกซ์) และโดนแสงแดดที่ไม่แรงจ้าเกินไปได้ตามปกติ
- หลังฉีดแต่งหน้า ทาแป้ง ทาครีมได้ตามปกติ เมื่อผ่านไป 1 สัปดาห์สามารถทำ Treatment ได้ตามปกติ (ยกเว้น Laser, RF และ Ionto ต้องรอ 2 สัปดาห์)
- สำหรับการฉีดโบท๊อกซ์ที่กล้ามเนื้อมัดใหญ่ เช่น กล้ามเนื้อกราม และน่อง ตัวยาจะเริ่มออกฤทธิ์ภายใน 2-4 สัปดาห์ ดังนั้น ช่วงแรกๆ อาจยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง ฤทธิ์ยาจะมีผลสูงสุดในช่วง 4-8 สัปดาห์ (1-2 เดือน) และจะหมดฤทธิ์เมื่อครบเวลา 4-6 เดือน หรืออาจจะนานกว่านี้ กรณีที่ฉีดโบท๊อกซ์อย่างต่อเนื่องเป็นประจำ ดังนั้นถ้าจะให้เห็นผลในการลดขนาดกล้ามเนื้อกรามและน่องอย่างมีประสิทธิภาพควรฉีดต่อเนื่องกันทุก 4-6 เดือน ประมาณ 3-4 ครั้ง เมื่อหยุดฉีดขาดกล้ามเนื้อจะเปลี่ยนไปจนสังเกตได้
- ใน 2 วันแรก งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะแอลกอฮอล์ จะเพิ่มระบบการไหลเวียนของเลือด และจะเป็นการล้างยาโบท๊อกที่ฉีดไป
- หลังฉีดสามารถรับประทานอาหาร ออกกำลังกาย และใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
ข้อควรปฎิบัติหลังการรับการรักษาเส้นเลือดขอด
- งดแช่น้ำอุ่นภายใน 24 ชั่วโมง
- งดยกของหนัก ยืนนานๆ และการออกกำลังกายหนักเป็นระยะเวลา 3 – 7 วัน
- สวมใส่ผ้ายืดในบริเวณที่ทำการรักษา เพื่อประครองกล้ามเนื้อและเส้นเลือดบริเวณที่รับการรักษา ควรใส่อย่างน้อยประมาณ 7 วันขึ้นไป หรือขึ้นอยู่กับคำแนะนำของแพทย์
- พบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามผลการรักษา
คำแนะนำภายหลังการฉีดฟิลเลอร์
ข้อพึงปฏิบัติของผู้รับบริการหลังเข้ารับการทำหัตถการ
- หลีกเลี่ยงการแตะ แกะ เกาและกดนวดในจุดที่ฉีด อาจมีอาการบวมแดงหรือเขียวช้ำเป็นปกติ จะค่อยๆ ดีขึ้นใน 2-3 วัน (หากหลังจาก 3 วันไปแล้ว มีอาการบวมมากขึ้นให้ติดต่อกลับมาที่คลินิกเพื่อรับยาทานเพิ่ม)
- หลังทำควรรีบทานยาฆ่าเชื้อ นอกจากนี้ยังมียาแก้ปวด ลดบวมกลับบ้านไปทาน
- ควรอยู่ในที่อากาศเย็น หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดและกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดงอย่างน้อย 48 ชม. เช่น ซาวน่า ออกกำลังกายหนัก ตากแดด
- ให้งดเลเซอร์ความร้อนที่ลงผิวชั้นลึกทุกชนิดอย่างน้อย 1 เดือน
- อย่าขยับผิวในบริเวณที่ทำมากโดยเฉพาะช่วง 3 วันแรก เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนได้
- ควรงดทานอาหารบางอย่างที่ส่งผลต่อการอักเสบ บวมและทำให้ฟิลเลอร์เข้าที่ได้ช้าลง ดังนี้
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด
- งดอาหารหมักดอง อาหารที่เผ็ดมากๆ จนหน้าแดง อาหารรสหวานจัดและอาหารดิบจากร้านที่ไม่สะอาด
- งดสูบบุหรี่ เพราะจะทำให้ยุบบวมช้าและส่งผลต่อการรักษาอยู่ได้สั้นลงด้วยค่ะ
ข้อควรปฏิบัติหลังทำ Nose lift
รับประทานยาแก้อักเสบ ในช่วงสัปดาห์แรกหลังทำ Nose lift ควรรับประทานยาแก้อักเสบ หรือยาฆ่าเชื้อ เพื่อช่วยให้บรรเทาอาการบวมแดงและลดการอักเสบติดเชื้อของแผล
ประคบเย็นลดอาการบวม สำหรับใครที่แผลช้ำ หรือมีอาการบวมมากเป็นพิเศษ อาจนำน้ำแข็งห่อผ้าแล้วประคบบริเวณที่ร้อยไหมทุกๆ4ชั่วโมงร่วมกับการรับประทานยาลดบวม
ไม่ถูหน้า หรือล้างหน้าแรง ๆ สิ่งสำคัญที่ควรระวังมากเป็นพิเศษคือ การทำความสะอาดหน้ารวมถึงการสัมผัสผิวหน้าในช่วงเดือนแรก ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงการล้างหน้าแบบลูบ หรือถูหน้าแรง ๆ โดยเด็ดขาดเพื่อป้องกันไม่ให้เส้นไหมเคลื่อนตัวหรือบิดเบี้ยว
งดกิจกรรมเสริมความงามเกี่ยวกับผิวหน้า ไม่ว่าจะเป็นการทำทรีทเม้นท์ เลเซอร์ นวดหน้า ขัดผิวต่าง ๆ รวมถึงการอบไอน้ำ อบซาวน่า และการทำศัลยกรรมประเภทอื่น ๆ ในช่วง 2 สัปดาห์แรก เพราะอาจทำให้แผลเสี่ยงต่อการอักเสบจนอาจทำให้เกิดการติดเชื้อลุกลามในอนาคต
หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการกดทับแผลบริเวณที่ทำการ Nose lift ควรนอนหงายแทนการนอนคว่ำและการนอนตะแคงก่อนในช่วงเดือนแรกงดอาหารแสลง และตัวยาบางชนิด ได้แก่ อาหารทะเล ของหมักดอง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และกลุ่มยาแอสไพริน วิตามินอี น้ำมันสกัดบางชนิด ซึ่งมีสรรพคุณทำให้เลือดหยุดไหลช้า และทำให้เกิดแผลฟกช้ำได้ง่าย
พบแพทย์ทันทีเมื่อมีอาการผิดปกติ ในกรณีของคนที่มีอาการอักเสบบวม มีอาการปวดแผลติดต่อกันหลายวัน หรือเส้น Nose lift โผล่ออกมา แนะนำว่าไม่ควรรอดูอาการ หรือทำการตัดออกเองโดยเด็ดขาด ให้รีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อทำการตรวจรักษาตามอาการอย่างทันท่วงที
ข้อควรปฏิบัติหลังทำ Miniface lift
รับประทานยาแก้อักเสบ ในช่วงสัปดาห์แรกหลังทำ Miniface lift ควรรับประทานยาแก้อักเสบ หรือยาฆ่าเชื้อ เพื่อช่วยให้บรรเทาอาการบวมแดงและลดการอักเสบติดเชื้อของแผล
ประคบเย็นลดอาการบวม สำหรับใครที่แผลช้ำ หรือมีอาการบวมมากเป็นพิเศษ อาจนำน้ำแข็งห่อผ้าแล้วประคบบริเวณที่ร้อยไหมทุกๆ4ชั่วโมงร่วมกับการรับประทานยาลดบวม
ไม่ถูหน้า หรือล้างหน้าแรง ๆ สิ่งสำคัญที่ควรระวังมากเป็นพิเศษคือ การทำความสะอาดหน้ารวมถึงการสัมผัสผิวหน้าในช่วงเดือนแรก ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงการล้างหน้าแบบลูบ หรือถูหน้าแรง ๆ โดยเด็ดขาดเพื่อป้องกันไม่ให้เส้นไหมเคลื่อนตัวหรือบิดเบี้ยว
งดกิจกรรมเสริมความงามเกี่ยวกับผิวหน้า ไม่ว่าจะเป็นการทำทรีทเม้นท์ เลเซอร์ นวดหน้า ขัดผิวต่าง ๆ รวมถึงการอบไอน้ำ อบซาวน่า และการทำศัลยกรรมประเภทอื่น ๆ ในช่วง 2 สัปดาห์แรก เพราะอาจทำให้แผลเสี่ยงต่อการอักเสบจนอาจทำให้เกิดการติดเชื้อลุกลามในอนาคต
หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการกดทับแผลบริเวณที่ทำการ Miniface lift ควรนอนหงายแทนการนอนคว่ำและการนอนตะแคงก่อนในช่วงเดือนแรกงดอาหารแสลง และตัวยาบางชนิด ได้แก่ อาหารทะเล ของหมักดอง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และกลุ่มยาแอสไพริน วิตามินอี น้ำมันสกัดบางชนิด ซึ่งมีสรรพคุณทำให้เลือดหยุดไหลช้า และทำให้เกิดแผลฟกช้ำได้ง่าย
พบแพทย์ทันทีเมื่อมีอาการผิดปกติ ในกรณีของคนที่มีอาการอักเสบบวม มีอาการปวดแผลติดต่อกันหลายวัน หรือเส้น face lift โผล่ออกมา แนะนำว่าไม่ควรรอดูอาการ หรือทำการตัดออกเองโดยเด็ดขาด ให้รีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อทำการตรวจรักษาตามอาการอย่างทันท่วงที
ท่านสามารถเข้ามาขอคำปรึกษาเรื่อง Mini face lift Nose lift Botox ฉีดฟิลเลอร์ เส้นเลือดขอด สิว ฝ้า กระ สีผิว กับผู้เชี่ยวชาญ “คลินิกศัลยกรรมชลบุรี De Queens Clinic” เพื่อทราบวิธีที่เหมาะกับตัวของท่านได้ครับ