ฉีดโบทอกซ์ (Botox) เป็นการรักษาที่ได้ผลดีที่สุด โดยการฉีดโบทอกซ์จะไปช่วยยับยั้งสาร Acetylcholine ที่หลั่งออกมาเพื่อควบคุมระบบประสาทการหลั่งของเหงื่อ จึงช่วยลดเหงื่อได้มากถึง 80% และจะเริ่มเห็นผลหลังการฉีดประมาณ 2-3 สัปดาห์ แต่การฉีดต่อครั้งนั้นมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง (ครั้งละประมาณ 5 พัน ถึง 2 หมื่นบาท) และฤทธิ์ของยาสามารถอยู่ได้ประมาณ 4-8 เดือนเท่านั้น จึงต้องกลับมาฉีดซ้ำใหม่ แต่ก็ถือว่าคุ้มค่ามากเมื่อแลกกับใต้วงแขนที่แห้งและเบาสบาย
ประโยชน์ที่สำคัญจากการฉีดโบทอกซ์
ประโยชน์ที่สำคัญอีกอย่างคือ การฉีดโบท็อกรักแร้จะช่วยลดการหมักหมมของแบคทีเรีย ที่ทำให้เกิดกลิ่นตัว กลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ด้วย
ใครบ้างที่เหมาะสำหรับฉีดโบท็อกลดเหงื่อ
- คนที่มีเหงื่อออกเยอะมากเกินไป มีกลิ่นตัว จนกลายเป็นปัญหา
- คนที่ไม่อยากให้รักแร้เปียกชุ่มจนเห็นเป็นวงบริเวณใต้แขนเสื้อ
- คนที่ต้องออกงานสังคมบ่อยๆ ต้องการความมั่นใจเวลาใส่เสื้อผ้า
- คนที่แพ้ผลิตภัณฑ์ลดเหงื่อ ลดกลิ่นตัว เช่น โรลออน สเปรย์ สติ๊ก และครีม
- คนที่ต้องการเห็นผลลัพธ์เร็ว
- คนที่กลัวเจ็บ กลัวการผ่าตัดต่อมเหงื่อที่รักแร้
- คนที่ไม่อยากมีรอยแผลเป็นที่รักแร้
ฉีดโบท็อกรักแร้อยู่ได้นานแค่ไหน?
หลังจากฉีดโบท็อกรักแร้จะใช้เวลาประมาณ 3-7 วัน ในการที่เหงื่อจะค่อยๆ ลดลง ในบางคนที่ต้องเจอกับสภาพอากาศร้อนก็อาจจะทำให้การผลิตเหงื่อออกมาเร็วกว่าปกติได้
โดยทั่วไปหากฉีดโบท็อกลดกราม จะอยู่ได้ประมาณ 6 เดือนถึงจะหมดฤทธิ์ ส่วนโบท็อกรักแร้ จะอยู่ได้ประมาณ 3-4 เดือน ถ้าต้องการรักษาผลลัพธ์ไว้ต่อเนื่องสามารถมาฉีดรักแร้ซ้ำได้
วิธีการดูแลหลังฉีดโบท็อกลดเหงื่อ
หลังฉีด botox รักแร้ ควรดูแลตัวเองและงดทานอาหารบางประเภท ซึ่งส่งผลต่อผลลัพธ์หลังฉีดโบท็อก ในช่วง 14 วันหลังทำ หรือประมาณ 2 อาทิตย์ (ถ้าทำไม่ได้จริงๆ ควรงดอย่างน้อย 48 ชม.) ดังนี้
- ดื่มน้ำเยอะ ๆ 1.5-2 ลิตร หลังฉีด botox รักแร้ เพื่อคงสภาพการออกฤทธิ์ของโบท็อกให้นานที่สุด
- ห้ามแกะ เกา นวด บริเวณที่ฉีดโบท็อก
- งดใช้ผลิตภัณฑ์ลดเหงื่อ ลดกลิ่นตัว 1 วัน หลังฉีดรักแร้
- งดทำทรีทเมนต์บริเวณรักแร้ เลเซอร์รักแร้ 2 อาทิตย์
- งดอบซาวน่า อบตัว หลังฉีดรักแร้ 2 อาทิตย์
- หลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง เช่น ปลาร้า หน่อไม้ดอง มะม่วงดอง 2 อาทิตย์
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เช่น เหล้า เบียร์ ไวน์ น้ำหมัก 2 อาทิตย์
นอกจากนั้นควรดูแลตัวเองเพิ่มเติม หลังฉีด botox รักแร้ ดังนี้
- สวมเสื้อผ้าที่โปร่งสบาย ระบายอากาศได้ดี ไม่คับแน่นจนเกินไป
- รักษาความสะอาดของร่างกาย อาบน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
- ดูแลให้เสื้อผ้าที่สวมใส่ให้แห้ง เพื่อลดกลิ่นอับชื้น
- หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด เช่น เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด เค็มจัด รวมถึงอาหารเผ็ดร้อน ซึ่งขับเหงื่อและทำมีกลิ่นตัวแรง
- ควบคุมอาหารและออกกำลังกาย เพื่อไม่ให้น้ำหนักเกินมาตรฐาน และต่อมเหงื่อที่รักแร้ผลิตเหงื่อออกมากกว่าปกติ
ข้อดี - ข้อควรระวัง ฉีดโบท็อกรักแร้
ฉีดโบท็อกรักแร้ สามารถช่วยลดเหงื่อและกลิ่นตัวได้กว่า 80% จึงได้รับความนิยม เพราะเมื่อเหงื่อน้อยลง กลิ่นตัวก็จะลดลงตามไปด้วย
ข้อดี
- ไม่ต้องผ่าตัด ไม่เจ็บ ไม่มีแผลเป็น
- ช่วยลดปัญหากลิ่นใต้วงแขน
- ราคาไม่แพง
- ไม่ต้องเตรียมตัว
- หลังฉีดโบท็อกจักแร้ ไม่ต้องพักฟื้น ทำแล้วสามารถกลับบ้านได้เลย
ข้อควรระวัง
- หากฉีดโบท็อกรักแร้ โดยแพทย์ที่ขาดประสบการณ์ คำนวณปริมาณโบท็อกที่ต้องใช้ได้ไม่เหมาะสม หรือไม่รู้เทคนิคการฉีดโบท็อกรักแร้ที่แม่นยำ อาจทำให้ได้ผลลัพธ์ไม่ดีเท่าที่ควร หรือไม่เห็นผลได้
- หากฉีดโบท็อกรักแร้กับคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่ใช้โบท็อกของแท้ที่มีคุณภาพ ผ่านการรับรองจากอย. อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงและเป็นอันตรายได้
หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม ท่านสามารถเข้ามาขอคำปรึกษาเรื่อง ฉีดโบท็อกรักแร้ กับทีมแพทย์ “คลินิกศัลยกรรมชลบุรี De Queens Clinic” เพื่อทราบวิธีที่เหมาะกับตัวของท่าน ยินดีให้คำปรึกษาฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือสามารถปรึกษาหมอทาง inbox facebook หรือ Line : @dequeensclinic