เกิดอะไรขึ้น กับจัสติน บีเบอร์ !! กรณีศึกษาอัมพาตใบหน้าครึ่งซีกใครมีโอกาสเป็นได้บ้างสาระความงามกับหมอโบว์

เกิดอะไรขึ้น กับจัสติน บีเบอร์ !! กรณีศึกษาอัมพาตใบหน้าครึ่งซีกใครมีโอกาสเป็นได้บ้างสาระความงามกับหมอโบว์

เกิดอะไรขึ้น กับจัสติน บีเบอร์ !! กรณีศึกษาอัมพาตใบหน้าครึ่งซีกใครมีโอกาสเป็นได้บ้างสาระความงามกับหมอโบว์

เกิดอะไรขึ้น กับจัสติน บีเบอร์ !! กรณีศึกษาอัมพาตใบหน้าครึ่งซีกใครมีโอกาสเป็นได้บ้างสาระความงามกับหมอโบว์


จากนักร้องและนักแต่งเพลงชาวแคนาดาชื่อก้องโลก จัสติน บีเบอร์ เปิดเผยว่าเขามีอาการอัมพาตที่ใบหน้าซีกขวา หลังประกาศยกเลิกการแสดงคอนเสิร์ตในสัปดาห์นี้


นักร้องหนุ่มวัย 28 ปีกล่าวผ่านวิดีโอคลิปในอินสตราแกรมของเขาว่าอาการดังกล่าวเกิดจากการวินิจฉัยว่าเขาเป็นโรค "แรมเซย์ ฮันต์ ซินโดรม" (Ramsay Hunt syndrome)


"อย่างที่คุณเห็นดวงตาข้างนี้ของผมกะพริบไม่ได้ ผมไม่สามารถยิ้มบนใบหน้าข้างนี้ของผมได้... หน้าของนี้ของผมเป็นอัมพาตอย่างเต็มรูปแบบ" เขากล่าว


จัสติน บีเบอร์ เปิดใจเรื่องชื่อเสียง ยาเสพติด และโรคซึมเศร้า

จีนแบน จัสติน บีเบอร์ เหตุพฤติกรรมไม่เหมาะสม

ชายออสเตรเลียปลอมตัวเป็น "จัสติน บีเบอร์" ก่อคดีล่อลวงทางเพศเยาวชน

แรมเซย์ ฮันต์ ซินโดรม เป็นไวรัสที่แทรกซ้อนมาจากการที่โรค "งูสวัด" ส่งผลกระทบต่อเส้นประสาทบนใบหน้าที่อยู่ใกล้หูของคนที่เป็นโรคนี้


"นอกเหนือจากอาการงูสวัดที่เจ็บปวดแล้ว กลุ่มอาการแรมเซย์ ฮันต์ ยังสามารถทำให้เกิดอัมพาตใบหน้าและสูญเสียการได้ยินในหูที่ได้รับผลกระทบ" ตามที่ข้อมูลอ้างอิงจากเมโย คลินิก ในสหรัฐอเมริกา


ระบุว่าสำหรับคนส่วนใหญ่อาการของโรคแรมเซย์ ฮันต์ เป็นอาการชั่วคราว แต่ก็สามารถกลายเป็นอาการถาวรได้


การที่ผู้ป่วยไม่สามารถปิดเปลือกตาข้างหนึ่งได้อาจทำให้เกิดอาการปวดตาและตาพร่ามัว คลินิคกล่าว และเสริมว่ามักพบได้บ่อยในผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี


เมื่อต้นสัปดาห์นี้มีประการศว่างานทัวร์คอนเสิร์ต Justice World Tour ของนักร้องหนุ่มบีเบอร์ ซึ่งเริ่มในเดือน ก.พ. รวมทั้งสิ้น 3 รายการจะถูกเลื่อนออกไป


"มันมาจากไวรัสตัวนี้ที่โจมตีเส้นประสาทในหูของผมและเส้นประสาทบนใบหน้าของผม และทำให้ใบหน้าของผมเป็นอัมพาต" นักร้องหนุ่มชาวแคนาดากล่าวในวิดีโอความยาว 3 นาที ว่าเขามีอาการที่ใบหน้าด้านขวาของเขา


เขาขอให้แฟน ๆ อดทนรอ และพูดการแสดงที่กำลังจะมาถึงของเขาว่า "เห็นได้ชัดว่าร่างกายไม่พร้อมทำการแสดงได้"


นอกจากนี้ เขายังยิ้มและกะพริบตา โดยแสดงให้ผู้ติดตาม 240 ล้านคนเห็นว่าใบหน้าด้านขวาของเขาไม่ขยับ


"มันค่อนข้างซีเรียส อย่างที่คุณเห็น ผมหวังว่าจะไม่เป็นอย่างนั้น แต่แน่นอนว่า ร่างกายของผมกำลังบอกผมว่าผมต้องพักผ่อน" เขากล่าว "ผมหวังว่าพวกคุณจะเข้าใจ ผมจะใช้เวลานี้เพื่อพักผ่อนและผ่อนคลายก่อนจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม 100% เพื่อที่ผมจะได้ทำในสิ่งที่ผมถนัดและเกิดมาเพื่อทำมัน"


บีเบอร์กล่าวเสริมว่าเขาได้ออกกำลังกายใบหน้าเพื่อให้ "กลับสู่สภาวะปกติ" แต่ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะฟื้นตัว


บีเบอร์มีกำหนดจะเปิดคอนเสิร์ตที่กรุงเทพฯ ในวันที่ 6 พ.ย. ที่จะถึงนี้ แต่การแสดงของเขาที่ประเทศไทยยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด


กรมการแพทย์ของไทย เผยการรักษาอาการป่วยอัมพาตหน้าครึ่งซีก


ในวันเดียวกับที่นักร้องดังออกมาเปิดเผยถึงอาการดังกล่าว กรมการแพทย์ของไทย ได้ออกมาให้ความรู้เกี่ยวกับกลุ่มอาการที่เกิดการอ่อนแรงของใบหน้าครึ่งซีก ว่าเป็นผลมาจากการอักเสบของเส้นประสาทใบหน้าหรือเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7


นพ. สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า โรคเส้นประสาทใบหน้าหรือเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 อักเสบ หรือเบลล์พัลซี ( Bell's palsy ) คือ ภาวะที่กล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือเกิดอัมพาตชั่วขณะ สามารถพบได้ทุกช่วงอายุ โดยมีสาเหตุมาจากเส้นประสาทบนใบหน้าที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อใบหน้าเกิดความผิดปกติ ส่งผลให้ใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก มักจะเป็นข้างใดข้างหนึ่ง หลับตาไม่สนิท มุมปากขยับได้ลดลง ดูดน้ำจากหลอดไม่ได้ มีน้ำรั่วที่มุมปาก หรือมีอาการเลิกคิ้วไม่ได้


นอกจากนี้ ยังมีการรับรสที่ปลายลิ้นผิดปกติ น้ำลายแห้ง น้ำตาแห้ง การได้ยินของหูข้างที่มีอาการลดลง หรือได้ยินเสียงก้อง และ มีอาการปวดบริเวณหลังใบหูร่วมด้วย บางรายเกิดจากการติดเชื้อไวรัส เช่น โรคอีสุกอีไส เชื้อเริม งูสวัด ที่แฝงอยู่ในปมประสาท หากร่างกายมีภูมิต้านทานต่ำลงจะทำให้เกิดโรคนี้ได้ ถือเป็นปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นทันที และมักจะเกิดขึ้นภายใน 48 ชม.


นพ. ธนินทร์ เวชชาภินันท์ ผู้อำนวยการสถาบันประสาทวิทยา กล่าวเพิ่มเติมว่า โรคใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีกเป็นโรคที่สามารถค่อย ๆ ฟื้นตัวและดีขึ้นเองได้ โดยแพทย์จะวินิจฉัยจากการซักประวัติ การตรวจร่างกายเป็นสำคัญร่วมกับการตรวจการทำงานของเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ


การรักษาโรคใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีกนั้น จะรักษาตามสาเหตุที่ทำให้โรค เช่น ให้ยาฆ่าเชื้อไวรัสกรณีที่มีการติดเชื้อไวรัสกลุ่มเริม หรืองูสวัดร่วมด้วย การให้ยาสเตียรอยด์เพื่อลดอาการอักเสบในรายที่ไม่มีการติดเชื้อ ร่วมกับการทำกายภาพบำบัดใบหน้า เช่น การบริหารกล้ามเนื้อใบหน้า การกระตุ้นเส้นประสาทด้วยกระแสไฟฟ้าหรือนวดใบหน้า ช่วยลดภาวะกล้ามเนื้อตึงเกร็ง และการผ่าตัดในผู้ป่วยบางราย


ในผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ควรปิดตาข้างที่มีอาการหรือใส่แว่นกันแดด ร่วมกับใช้น้ำตาเทียม และปิดตาเวลานอนเพื่อลดอาการเคืองตา ตาแดง หรือมีแผลที่แก้วตา อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้ป่วยมีอาการใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุของอาการ เพราะผลของการรักษาจะได้ผลดีถ้าได้เริ่มรักษาได้เร็ว


ที่มา https://www.bbc.com/thai/international-61769819